Thailand Perfect Storm

07 ก.ค. 2566 | 07:45 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2566 | 07:56 น.

Thailand Perfect Storm : คอลัมน์เรื่องเงินเรื่องง่าย โดย...นายธนาคาร หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3903 หน้า 6

ผมว่าวันนี้เราไม่พูดถึงสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ได้ และประเทศไทยซึมมานานหลังจากที่ผ่านโควิดมา และกำลังจะมี Perfect Storm จากหลายปัจจัย

ปัจจัยแรกที่คิดว่าโดนแน่ๆ คือ หลังหมดมาตรการช่วยเหลือของแบงก์ชาติ กลุ่มลูกค้าธุรกิจไปต่อได้หรือไม่ ผมคาดว่าน่าจะมีหนี้เสียในระบบเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไม่น่าจะช่วยเหลือลูกค้าต่อไปได้ เนื่องจากไม่ได้เตรียมการหรือมาตรการส่วนของธนาคารรองรับเรื่องนี้ไว้ ซึ่งผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างจะมีปัญหาตามมาแน่ๆ เลยต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของลูกค้าแต่ละราย 

ทั้งที่จริงๆ แล้วลูกค้าบางรายยังสามารถไปต่อได้โดยทำการยืดเงื่อนไขการชำระให้ลูกค้า แต่ลูกหนี้ยังไม่สามารถขยับรายได้ขึ้นไปมากพอให้จ่ายหนี้ได้เท่ายอดปรกติก่อนโควิด ทำให้ยังชำระยอดเท่าเดิมไม่ได้ และแบงก์ต้องตัดสินใจว่า จะช่วยต่อหรือจะฟ้อง 

อยากให้เป็นข้อคิด บางทีเจ้าหนี้การค้าสำหรับลูกค้า หรือ คนทำธุรกิจแล้วสำคัญกว่าเจ้าหนี้ธนาคาร เพราะถ้าเขาไม่จ่ายเจ้าหนี้การค้า เขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ถ้าทำธุรกิจต่อไม่ได้ก็ไม่มีเงินมาจ่ายเจ้าหนี้ธนาคาร ส่วนเจ้าหนี้ธนาคาร จริงๆ น่าจะรอได้ เพราะเงินฝากแทบจะล้นตลาด และการรอคอยให้ชำระหนี้ คือธรรมชาติของธุรกิจธนาคารอยู่แล้ว รออีกสักนิดคงไม่ตาย

ปัจจัยที่ 2 เท่าที่ทราบข้อมูลจากเครดิตบูโร อาจจะมีรถถูกยึดประมาณ 1 ล้านคันในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งข้อมูลนี้คงมาจากการผ่อนชำระล่าช้าของกลุ่มลูกหนี้ที่เช่าซื้อรถยนต์ เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าคนไทย มีรายได้น้อยลงจนไม่สามารถชำระหนี้ที่ตัวเองก่อไว้ได้ 

เมื่อถึงเวลาที่รถถูกยึดเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด ราคามือสองคงลดลงไปอีก ทำให้รถใหม่ขายไม่ได้ แถมหนี้เสียของกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์สูงขึ้น กลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้เช่าซื้อ ก็ทยอยลดการปล่อยสินเชื่อลงอีก กระทบกับกลุ่มผู้ประกอบการยานยนต์ ที่เป็นกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมไทย และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

                         Thailand Perfect Storm

ปัจจัยที่ 3 คือ การพังทลายของตลาดทุน อันนี้ถือว่าทำตัวเอง เพราะว่าเจอหุ้นทิพย์แต่งงบกำไรบานเบอะ ซึ่งความจริงขาดทุนบานตะไท มูลค่าหุ้นเหลือก้นสุดของมหาสมุทร ทำให้เงินหายไปหลายหมื่นล้านบาทจากตลาดทุน ทั้งหุ้นสามัญและหุ้นกู้ 

ส่วนเงินที่หายไปเป็นเงินของประชาชนตาดำๆ ภาครัฐก็ยืนให้กำลังใจอย่างห่วงๆ ตลาดทุนขาดความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ก็ลุ่มๆ ดอนๆ เจอ DELTA ที่ Market Cap เกินปรกติไปเยอะ แต่พวกกองทุนถือกันเพียบ เพราะต้องซื้อโดยเกณฑ์ของกองทุนเอง เนื่องจากอยู่ใน SET50 คราวนี้พวกกองทุนจะลงยังไง 

ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ติดกับดักตัวเองแท้ๆ สุดท้ายต้องทยอยขายออก และน่าจะกระทบกับ SET Index ทำให้ตลาดทุนไม่น่าลงทุนอีกต่อไปในช่วงครึ่งปีหลัง คนที่เคยได้เงินจากตลาดทุน ตอนนี้ไม่ได้แล้วและยังเข้าเนื้ออีก กำลังการซื้อย่อมหายไป

อยากให้ทุกคนระมัดระวังการใช้เงิน และการลงทุนของตัวเองให้ดีๆ เพราะครึ่งปีหลังนี้ เราคงจะเจอพายุลูกใหญ่กัน ทุกคนต้องเกาะเรือลำนี้ที่เรียกว่า ประเทศไทยไว้แน่นๆ ระหว่างรอกัปตันคนใหม่เข้าประจำการ