หากคิดจะออกจากธุรกิจครอบครัว

18 พ.ค. 2567 | 07:44 น.

Family Business Thailand รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย [email protected]

เมื่อการเริ่มต้นทำธุรกิจจำเป็นต้องมีการวางแผนและดำเนินการหลายอย่างมาก จากการสำรวจเจ้าของธุรกิจที่กำลังวางแผนจะออกจากธุรกิจ พบว่า 52% ตั้งใจที่จะขายธุรกิจ ขณะที่ 20% วางแผนที่จะมอบให้กับครอบครัว และ18% วางแผนที่จะปิดกิจการ ดังนั้นการออกจากธุรกิจก็ควรต้องมีการวางแผนล่วงหน้าและการเตรียมความพร้อมไม่น้อยไปกว่ากัน

อย่างไรก็ตามการสำรวจหลายครั้งกลับพบว่าเจ้าของธุรกิจเกือบครึ่งหนึ่งไม่มีกลยุทธ์ในการออกจากธุรกิจ ทั้งนี้สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ขยายธุรกิจมาหลายปีอาจมาถึงจุดที่ใกล้สิ้นสุดแล้ว ไม่ว่าเจ้าของจะตั้งใจขายธุรกิจ ขายสินทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการเกษียณ หรือส่งต่อธุรกิจให้กับสมาชิกในครอบครัว ก็จำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น

หากคิดจะออกจากธุรกิจครอบครัว

ให้ความสำคัญของกลยุทธ์การออกจากธุรกิจในระยะยาว เป็นเรื่องง่ายที่จะติดกับดักของการมาทำงานทุกวันและดูแลงานที่ทำอยู่โดยไม่เคยคิดถึงอนาคตอย่างจริงจัง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก มักไม่มีแผนเงินบำนาญที่รับประกันรายได้หลังเกษียณ สำหรับผู้ประกอบการจำนวนมากแล้วแผนการเกษียณเพียงอย่างเดียวคือ รายได้จากการขายธุรกิจนั่นเอง

ถือเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงและจะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นอีกหากไม่มีกลยุทธ์ในการออกจากธุรกิจ โดยทั่วไปผู้ประกอบการมักจะมีแนวคิดที่เชื่อมั่นในความสามารถและวิสัยทัศน์ของตนเองในการสร้างและดำเนินธุรกิจ แต่ความมั่นใจในตัวเองอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับความสำเร็จในการเป็นผู้ประกอบการ

• เจ้าของธุรกิจสามารถเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ดีขึ้น เช่น การเจ็บป่วย การเสียชีวิตอย่างกะทันหัน การหย่าร้าง ความเหนื่อยหน่าย หรือการล้มละลาย โดยการมีแผนสำรองเพื่อจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

• กลยุทธ์การออกจากธุรกิจช่วยให้มีเกณฑ์ที่ชัดเจน ทำให้สามารถวัดความก้าวหน้าต่อเป้าหมายได้มากขึ้น และช่วยให้การตัดสินใจประจำวันมีกลยุทธ์มากขึ้น

•  การเตรียมความพร้อมสำหรับการออกจากธุรกิจช่วยให้เจ้าของธุรกิจมีโอกาสเพิ่มมูลค่าตลาดและสินทรัพย์ของตน เพื่อให้ได้ราคาดีที่สุดเมื่อต้องก้าวออกจากธุรกิจ

เจ้าของธุรกิจทราบดีว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนเสมอไป โชคดีที่กลยุทธ์การออกจากธุรกิจทั้งแบบสมัครใจและไม่สมัครใจไม่ได้แตกต่างกันมากนักในทางปฏิบัติ ดังนั้นในการวางแผนออกจากธุรกิจเจ้าของควรดำเนินการทีละขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจมีความพึ่งพาเจ้าของน้อยลง และมุ่งเน้นไปที่วัฒนธรรม นโยบาย และกระบวนการมากขึ้น

ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้สามารถรับรองได้ว่าไม่เพียงธุรกิจจะดำเนินต่อไปได้ตามปกติเมื่อเจ้าของไม่อยู่แล้วเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ซื้อกิจการในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ธุรกิจที่ยึดเจ้าของเป็นศูนย์กลางจะมีมูลค่าต่อผู้ซื้อน้อยกว่าบริษัทที่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่นหลังจากที่เจ้าของก้าวออกไปแล้ว

สถานการณ์และกลยุทธ์การออกจากธุรกิจที่แตกต่างกัน เช่น การขายธุรกิจ การส่งต่อให้คนในครอบครัว หรือการเลิกกิจการ แม้การบริหารธุรกิจจะใช้เวลามากเพียงใด หรือต่อให้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ทุ่มเทสุดชีวิตก็ควรมีแผนการออกจากธุรกิจ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับประเด็นทางกฎหมายและภาษี ดังนั้นเจ้าของกิจการอาจจำเป็นต้องหาที่ปรึกษาด้านกฎหมายเข้ามาช่วยเพื่อให้สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามความต้องการอย่างราบรื่นต่อไป

              

ที่มา: Gregg Mielke. April 12, 2024. Exit Strategies for Business Owners. Available: https://cwmpk.com/exit-strategies-business-owners/

              

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.famz.co.th

 

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,992 วันที่ 16 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567