เงินดิจิทัล 10,000 บาท ปลุกไม่ขึ้น ประชาชนหมดหวัง

29 มี.ค. 2567 | 22:10 น.

เงินดิจิทัล 10,000 บาท ปลุกไม่ขึ้น ประชาชนหมดหวัง บทบรรณาธิการฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3979

“เติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล” เป็น 1 ใน 5 มาตรการเร่งด่วนของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เรียกได้ว่า เป็นนโยบายแห่ง “ความหวัง” ของประชาชนที่จะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และสามารถฟื้นฟูเยียวยาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้ 
 
นอกจากการชูประเด็นว่า รัฐบาลชุดนี้จะมุ่งเน้นในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจแล้ว นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ยังเป็นเหมือน “พันธสัญญา” จากการหาเสียงของพรรครัฐบาลที่ได้ให้ไว้กับประชาชนอีกด้วย
 

ผ่านไป 6 เดือน ไม่เพียงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น แต่กลายเป็นว่า เศรษฐกิจไทยกำลังปักหัวลง หลายสำนักเศรษฐกิจทั้งฟากของรัฐบาล และเอกชน ต่างดาหน้าออกมาปรับลดประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปี 2567 ลง หลายสำนักมองว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ก็อาจจะขยายตัวเพียง 2.5% เท่านั้น
 
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเองกำลังถูกโจมตีว่า ไร้ผลงานด้านเศรษฐกิจ หรือนโยบายที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเอง เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา “เศรษฐา ทวีสิน” จึงนั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าดิจิทัลครั้งแรก
 

หลังให้คณะอนุกรรมการศึกษาข้อเสนอแนะและความเห็น ไปศึกษา 30 วัน พร้อมกับยืนยันว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาท ถึงมือประชาชนในสิ้นปีนี้แน่นอน เพราะมีความจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขอให้รอฟังข่าวดี 10 เมษายนนี้ 

ขณะเดียวกัน แหล่งเงินที่จะมาใช้มีกระแสข่าวว่า จะไม่ออกพ.ร.บ.เงินกู้แล้ว แต่จะหันมาใช้เงินในงบประมาณแทน จากการปรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ราว 1-1.5 แสนล้านบาท และเพิ่มวงเงินขาดดุลงบประมาณในปี 2568 เพื่อให้มีช่องในการกู้เงินมาใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต

ดูเหมือนการออกมาพูดครั้งนี้ของรัฐบาล ไม่ได้สร้างความหวัง หรือตื่นเต้นให้กับประชาชนได้อีกต่อไป เพราะจากเสียงสะท้อนออกมา ดูเหมือนว่า ทุกคนหมดหวังไปกับโครงการนี้ไปแล้ว เหตุเพราะเจอโรคเลื่อนมาหลายครั้ง ถ้าทำได้น่าจะได้นานแล้ว ขณะที่เงื่อนไขก็เปลี่ยนไปมา หลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลก็ยุ่งยาก

 
“นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล” ของรัฐบาลดูท่าจะไม่ขลังและเรียกคะแนนนิยมได้อีกต่อไป ทั้งจากความไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งเงิน เงื่อนไขการจ่าย และคุณสมบัติของคนที่จะได้รับ
 
ความหวังที่รัฐบาลจะใช้นโยบายนี้มาเป็นเรืองธง เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยหรือไม่ คงต้องรอ 10 เม.ย.นี้ จะเป็นข่าวดีจริง หรือเพียงแค่มาบอกว่า เลื่อนเวลาออกไปอีกครั้ง