พระพิรุณเบิกฟ้าบนดอยแม่สะลอง

01 ต.ค. 2566 | 23:12 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2566 | 23:34 น.

พระพิรุณเบิกฟ้าบนดอยแม่สะลอง คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ผมอยู่บนเครื่องบินที่บินมาจากสนามบินแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยสายการบินนกแอร์ การมาเชียงรายครั้งนี้ วัตถุประสงค์หลัก คือการมาทำพิธีส่งมอบฌาปนสถานให้แก่ชาวบ้านในหมู่บ้านแม่สะลอง ซึ่งคณะของเราเพิ่งทำพิธีส่งมอบเสร็จสิ้นไปเมื่อวานนี้ การมาครั้งนี้ ก็มีผู้ร่วมคณะเดินทางมาที่มีจิตเมตตาและศัทธาที่แรงกล้า ในการสร้างบุญกุศลใหญ่ที่มาด้วยกันโดยเครื่องบินทั้งหมด 32 ท่าน และที่เดินทางมาเอง โดยมาก่อนล่วงหน้าอีก 4 ท่าน อีกทั้งยังมีเพื่อนๆ ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอีกหลายท่าน ได้ร่วมกันมาทำพิธีดังกล่าวด้วยครับ
 


วันที่คณะเดินทางมาถึงคือวันที่ 29 กันยายน ซึ่งเป็นวันไหว้พระจันทร์พอดี จึงทำให้ชาวบ้านที่เป็นชาวจีนยูนนานอพยพ ผู้ติดตามกองทัพก๊กหมินตั๋ง จึงทำให้เขาเหล่านั้น ต้องอยู่บ้านเพื่อไหว้พระจันทร์ ตามประเพณีจีนอย่างเคร่งครัด ผมจึงบอกกับท่านนายกอบต.สุรศักดิ์ ที่เป็นแม่งานอยู่ว่า ไม่ต้องกังวลและต้องมาคอยต้อนรับคณะของพวกเรา แต่ท่านไม่ยอม จะต้องมาดูแลแทนชาวบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งนำพวกเราร่วมรับประทานสุกี้ยูนนานกันที่ร้านวังพุดตาล ซึ่งเป็นอาหารที่อร่อยถูกใจคณะเรามากๆ อีกทั้งเจ้าของร้านก็เป็นรุ่นน้องของผม เขาจึงจัดอาหารให้พวกเราอย่างเต็มคาราเบลเลยครับ หลังจากอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ผมจึงดำเนินการ Dinner Talk เรื่อง “แม่สะลองในอดีต” ให้พวกเราฟังกัน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะได้เห็นบรรยากาศที่เป็นของจริงกันเลยครับ
 

ในวันที่ 30 เป็นวันที่ทำพิธี ทางคณะได้มีการทำพิธี 3 พิธีด้วยกัน คือพิธีซื้อแผ่นดินตามประเพณีลานนา พิธีเบิกเนตรพระกษิติครรภโพธิสัตว์ และพิธีส่งมอบฌาปณสถาน ก่อนวันดังกล่าว ก็ได้มีล่องมรสุมพัดผ่านมาจากประเทศเวียดนามพอดี จึงทำให้มีฝนตกลงมาทั้งวัน ตลอดสามวันที่ผ่านมา ในขณะที่ทำพิธีอยู่นั้น ฝนก็กระหน่ำลงมาไม่หยุด แต่พิธีการก็ดำเนินต่อไป และก็ดำเนินการจนกระทั่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งก็พอดีที่ฝนหยุดฟ้าเปิด เรียกว่าพระพิรุณเบิกฟ้าจริงๆ ครับ
 


หลังจากทำพิธีเสร็จทางคณะกรรมการหมู่บ้าน และนายกอบต.สุรศักดิ์ ก็พาพวกเราไปทานอาหารกลางวัน ที่มีทั้งขาหมูต้มมันฝรั่ง ซุปเห็ด และไก่ดำตุ๋นยาจีน ที่ร้านอาหาร ผิง ผิง แม้สภาพของร้านจะไม่ค่อยจะสวยงามเหมือนร้านอาหารในเมือง แต่รสชาติอาหารก็ถือว่าผ่านใช้ได้เลยครับ เป็นที่อิ่มหน่ำกันถ้วนหน้าครับ หลังทานอาหารเสร็จ คณะเราได้ขึ้นไปบนสุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน เพื่อทำพิธีเคารพศพ ต่อจากนั้นจึงไปเคารพป้ายวิญญาณของทหารหาญของกองพล 93 ที่เสียชีวิตในสนามรบ ณ.อนุสรณ์สถานวีรชน ที่มีการวางพวงหรีดสักการะอย่างสมเกียรติ จนเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ครับ

ในส่วนช่วงเวลาค่ำ ทางคณะกรรมการหมู่บ้านและชาวบ้าน รวมทั้งศิษย์เก่าโรงเรียนจีนแม่สะลอง ได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณคณะผู้มีจิตศัทธา ที่ได้เดินทางมาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างฌาปนสถาน ซึ่งมีการแสดงของชนเผ่าต่างๆ หลายชุด ที่น่าชื่นใจคือมีเพื่อนๆ น้องๆ แฟนคลับที่อาศัยอยู่ที่ตัวจังหวัดเชียงราย ที่อุตสาห์เดินทางขึ้นมา เพื่อมาแสดงฟ้อนรำพัด เพื่อเป็นการต้อนรับคณะเราด้วย คืนนั้นจึงมีแต่บรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานตลอดทั้งงาน 


ทั้งนี้ต้องขอบคุณท่านนายกอบต.สุรศักดิ์ และชาวคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้การต้อนรับพวกเราชาวคณะที่มีจิตศัทธาในการสร้างฌาปนสถานทั้งหมด ผมต้องขอเป็นตัวแทนชาวบ้านที่ต้องขอกราบขอบพระคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ร่วมกันบริจาคเงินสมทบทุนในการสร้างและที่ร่วมเดินทาง มาปฎิบัติภารกิจในการส่งมอบเมรุเผาศพดังกล่าวด้วยใจจริง ขอผลบุญที่ท่านได้ร่วมบริจาคทุกบาททุกสตางค์ จงดลบันดาลให้แก่ท่านและครอบครัวทุกๆ ท่าน จงประสบแด่ความสุขสวัสดี สุขภาพร่างกายอย่าได้มีทุกข์ อย่าได้มีโรคภัย มีแต่ความสุขกายสุขใจตลอดกาลนานเทอญ!!!!  


โดยส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า คนเราทุกคนเกิดมา เราไม่สามารถเลือกสถานที่เกิดได้ แต่เราก็ควรที่จะมีสิทธิ์ในการที่จะตายอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ได้เหมือนกันทุกคน ดังนั้นพวกเราที่ร่วมกันบริจาคเงินดังกล่าว จึงถือว่าได้ร่วมกันสร้างสถานที่ไว้สำหรับให้ชาวบ้านบนดอยแม่สะลอง ซึ่งทุกคนย่อมหนีไม่พ้นสถานที่สุดท้าย ที่จะต้องเดินทางไปถึงจุดนั้น แต่เมื่อเขาได้เสียชีวิตลง สังขารของเขาเหล่านั้น ก็ไม่ต้องถูกเผาอย่างอุจาดตา และบัดนี้ได้มีฌาปนสถานที่ปกปิดมิดชิด สมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในภายภาคหน้าแล้วละครับ