สันติภาพที่เกิดขึ้นแสนยากเย็น

07 เม.ย. 2567 | 22:12 น.

สันติภาพที่เกิดขึ้นแสนยากเย็น คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่อวานนี้วันที่ 6 เมษายน ได้รับทราบข่าวสารจากเพื่อนๆ ที่อยู่ในอำเภอแม่สอดและจากฝั่งเมียวดี ว่าได้มีการสู้รบกันระหว่างกลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์ KNU กับทหารฝ่ายรัฐบาลเมียนมา เราคงไม่ต้องมองว่าใครชนะใครเพลี่ยงพล้ำนะครับ 

แต่มองด้วยสายตาของความเป็นเพื่อนบ้าน ที่คอยห่วงใยชาวเมียนมาจะดีกว่า ในใจผมก็คิดว่า ทำไมสันติภาพในประเทศเมียนมา จึงเกิดขึ้นยากเย็นเหลือเกิน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ประเทศเมียนมาจะเดินไปในทิศทางไหนละคราวนี้ครับ
         
 

เมืองเมียวดี เป็นเมืองหน้าด่านชายแดน ที่เหลืออยู่และยังสามารถทำการค้าได้ จากจำนวนของด่านชายแดนทุกด่าน เพราะทุกด่านต่างติดปัญหาเรื่องความไม่สงบ ทำให้การค้าชายแดนที่ทำให้ประเทศเมียนมาอยู่รอดได้ แต่ต้องมามีปัญหาเสียแล้ว เพราะในใจลึกๆ คิดว่า ถ้าหากฝ่ายใดก็ตามที่ได้รับความเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลทหารก็จะมี “ยุทธการเอาคืน” ตามมา เช่นที่เราเห็นมาตลอดสามปีที่ผ่านมา และเราก็ได้เห็นประชาชนตาดำๆ ที่ต้องรับเคราะห์กรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น 

อีกทั้งสิ่งที่จะตามมา ก็คือมีการอพยพลี้ภัยสงครามตามมาอีก ที่สำคัญกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังทหาร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัคร และหน่วยอื่นๆ จะต้องมีภาระการเตรียมพร้อมรับมือ และทำงานหนักกันเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่คือผลที่จะตามมาก่อนในเร็วๆ วัน หลังจากนี้ครับ
 

ส่วนผลกระทบที่จะตามมาต่อไป ก็คือการค้าชายแดน ที่ต้องอาศัยการขนส่งสินค้า ทั้งจากประเทศไทยที่จะส่งออกไปยังเมืองต่างๆ ของประเทศเมียนมา คงต้องจับตากันต่อไปว่า จะส่งผลมากน้อยเพียงใด และก็ขึ้นอยู่กับการ “เอาคืน” รุนแรงแค่ไหน? 

ซึ่งก็ไม่มีใครตอบได้ แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากประวัติที่ผ่านๆ มา รัฐบาลทหารเมียนมาเขามักจะไม่ค่อยอ่อนข้อต่อความเพลี่ยงพล้ำเลยสักครั้ง เชื่อว่าพวกเราชาวพ่อค้าชายแดน ก็ทราบดีว่าเวลาทหารเอาคืนทีไร เขาจัดเต็มทุกทีเลยครับ ผมจึงมีความกังวลใจดังที่กล่าวมาข้างต้นนั่นแหละครับ
       
ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ ทุกครั้งที่มีปัญหา เราต้องใช้เวลาในการหาช่องทางแก้ไขกันตลอด ครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นนั้นอีกเช่นเคยครับ หนีไม่พ้นที่ประชาชนชาวเมียนมาต้องรับผลกระทบตามมาอย่างเป็นวงกว้างแน่นอน เพราะหากมีการเอาคืนอย่างที่ว่า ราคาค่าขนส่งสินค้าต้องถูกกระทบจะต้องขึ้นราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

จากนั้นสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากไทยทางด่านแม่สอด การขนส่งไม่เพียงแต่จะยากลำบากมากขึ้น และค่าขนส่งก็ต้องขึ้นตามมาอีก จะส่งผลให้สินค้าที่นำเข้าไป ก็ต้องขึ้นราคาตามไปด้วย จำนวนการสั่งซื้อสินค้าก็จะลดน้อยลง การค้าขายและตัวเลขส่งออกก็จะลดลงตาม 
         
มองต่อไปที่การบริโภคภายในประเทศเมียนมา ก็จะลดลงตามไปด้วย ชาวบ้านชาวช่องไม่รู้ว่าจะหาเงินจากทางไหนมาบริโภคสินค้าที่แพงขึ้น อัตราเงินเฟ้อก็จะตามมาอีก อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราก็ต้องมีปัญหาตามมา 

เงินทุนสำรองระหว่างประเทศก็ต้องลดน้อยถอยลง เฮ้อ.....ปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยที่เริ่มจากจุดเล็กๆ อาจจะลุกลามใหญ่ขึ้นก็ได้ เราแม้จะไม่ใช่ประชาชนชาวเมียนมา แต่ต้องทำมาหากินอยู่กับเขามาช้านาน ก็จะต้องได้รับผลพวงอันนี้ไปด้วย แย่จังเลยนะครับ
          
หันกลับมามองภายในประเทศเรา วันนี้ก็มี “แรงงานที่ลี้ภัย” เข้ามา ที่ฝังตัวอยู่ตามตะเข็บชายแดนก็มีอยู่ไม่น้อย กลุ่มชนชาวเมียนมากลุ่มนี้ เราคงจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เพราะด้วยมนุษยธรรม ไทยเราเป็นม้าอารีมาช้านาน แต่คงต้องปรับเปลี่ยนบทบาทบ้างก็จะดีนะครับ 

ทำอย่างไรที่จะสามารถมีการควบคุมให้แรงงานเหล่านี้ อยู่กับที่ให้มากที่สุด อย่าให้เขาขยับตัวเข้าสู่เมืองใหญ่ เพราะนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่ที่จะตามมาอีกมากมายครับ หรือถ้าหากเราไม่สามารถกักกันเขาให้อยู่นิ่งๆได้ ก็ควรต้องมีระบบจัดการบันทึกตัวตน ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

ไม่ควรปล่อยให้เฉพาะหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทำงานหนักแต่เพียงฝ่ายเดียว เราทุกคนจะต้องช่วยกันจับตาดูอย่างเข้มงวด มิเช่นนั้นอาจจะเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า เวลาจะหาตัวก็หาไม่เจอ หากเกิดปัญหาแล้วค่อยมาคอยวิ่งไล่จับกัน ก็จะยากยิ่งขึ้นครับ
           
ส่วนกลุ่มที่ทำการค้าชายแดนอยู่ในปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำในช่วงนี้ คงต้องระมัดระวังการค้าให้มากยิ่งขึ้น กลุ่มที่ส่งสินค้าเข้าไปขาย ควรจะต้องติดต่อกับลูกค้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ระวังการปล่อยหนี้ไม่ควรทำใหญ่เกินตัวมาก เราต้องให้ความช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่ติดต่อค้า-ขายกันมานานๆ ก่อน 

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรปล่อยหนี้มากจนเกินไป ถ้าถามว่ามากหรือน้อยจะเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัด อันนี้ต้องดูแล้วแต่บุคคลไป ไม่สามารถตอบแทนได้ครับ ส่วนกลุ่มที่นำเข้าสินค้าจากเมียนมาเข้าสู่ไทย ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่ยากลำบากของคู่ค้า เราก็ไม่ควรจะกดราคาหรือเอาเปรียบคู่ค้านะครับ 

เพราะต้องจำไว้เสมอว่า เพื่อนที่อยู่ในยามยากลำบาก หากเรายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เราจะได้เพื่อนที่รักและจริงใจกับเราในอนาคต แต่ถ้าหากเราไปซ้ำเติมเขา เขาก็จะจดจำในสิ่งที่เราเคยให้แก่เขา อย่างไม่มีวันลืมครับ ดังนั้นเราก็ต้องเลือกเอาครับ