ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤติในเมียนมา

22 ก.ค. 2567 | 00:00 น.

ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤติในเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศเมียนมา ขาดแคลนเงินสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างหนัก กระแสเงินสดในท้องตลาดหรือแม้จะเป็นเงินตราต่างประเทศ ก็ค่อนข้างจะมีปัญหาขาดแคลนมาก จึงทำให้รัฐบาลเมียนมา ต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเงินจ๊าดหรือเงินต่างประเทศก็ตาม เพราะนั่นจะทำให้สถานะของค่าเงินจ๊าดดำดิ่งลงไปมากกว่านี้ ส่วนตัวผมคิดว่าปัญหาดังกล่าว มีอาการหนักหน่าสาหัสเกินกว่ารัฐมนตรีกระทรวงการคลังของทุกๆประเทศ ที่จะเยียวยาได้ครับ

การขาดแคลนเงินตราระหว่างประเทศของเมียนมา ทำให้ค่าเงินจ๊าดที่เคยมีค่าต่ำอยู่แล้ว ไหลลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา มูลค่าของเงินตกต่ำลงไปมากกว่าสามเท่า ในช่วงก่อนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ค่าเงินจ๊าดเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐมีค่าประมาณ 1,350 จ๊าดต่อ 1 US$ ผ่านมาแค่สามปีค่าเงินจ๊าดตกไปอยู่ที่ 5,000 จ๊าดต่อ 1 US$ ในส่วนของราคาค่าแรงงานอาจจะมีการปรับขึ้นไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ปรับขึ้นไปมากมายเท่าที่ควร ส่วนราคาสินค้าและค่าครองชีพ กลับมีการปรับตัวขึ้นไปตามค่าของเงิน ในส่วนของทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าถ้าคิดเป็นเงินจ๊าด ก็มีการปรับขึ้นไปอีกประมาณ 30-40% ซึ่งทำให้คนที่เคยร่ำรวยจากเงินสะสม ก็ลดน้อยลงไปเยอะมากเลยครับ

ในส่วนของอัตราสัดส่วนของประชาชนทั่วไป ผมคิดว่าคนที่อยู่ในฐานะร่ำรวยมากๆของประเทศ วันนี้อาจจะเหลืออยู่เพียงไม่น่าจะเกิน 5% ของประชากรทั้งประเทศ ในส่วนคนที่มีฐานะรวยอาจจะมีอยู่ประมาณ 10%  คนในฐานะปานกลาง ก็อาจจะมีเพียง 30% และคนที่มีฐานะยากจน 55% เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการบริหารประเทศอย่างมาก เพื่อไม่ให้ประเทศชาติล่มจมนั่นเองครับ

ก่อนอื่นเราต้องมาวิเคราะห์หาเหตุผลว่า ประเทศเมียนมาที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ทำไมจึงเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ในสายตาของคนภายนอกอย่างผม  ผมคิดว่าเป็นเพราะหลากหลายปัจจัยมาก ที่ทำให้ประเทศเมียนมาดำดิ่งลงไป ปัจจัยแรกที่เดาได้ไม่ยาก คือปัจจัยทางการเมือง ประเทศเมียนมาเป็นประเทศที่มีหลากหลายชนชาติพันธุ์ เคยได้รับการปกครองจากประเทศอังกฤษมาก่อน ในยุคก่อนการให้อิสรภาพแก่ประเทศเมียนมา หรือก่อนจากไปของอังกฤษ เขาไม่ได้วางรากฐานให้มั่นคงด้านการปกครองก่อนจาก ทำให้เกิดความแตกแยกของประชาชนในชาติ ซึ่งชนชาติพันธุ์ทุกฝ่ายต่างมีอาวุธอยู่ในมือ และมีความต้องการปกครองตนเอง จนทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายมาจนถึงปัจจุบัน

อีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือความไม่สามัคคีกันของประชาชนในชาติ ซึ่งน่าจะเป็นบทเรียนที่เราต้องตระหนัก โดยประชาชนที่เป็นชนชาติพันธุ์ของเมียนมา มักจะมองว่าตนเองไม่ใช่คนพม่า โดยเฉพาะชนชาติพันธุ์ที่จะไม่เห็นคุณค่าของความเป็นคนพม่า ถ้าหากเราไปถามว่าคุณเป็นคนอะไร? เขามักจะตอบว่าเขาเป็นคน.....ที่ไม่ใช่คนเมียนมา เพราะเขาคิดตลอดเวลาว่า ชนชาติพันธุ์ของตนเองเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่าคนชาติพันธุ์อื่นๆของเมียนมา เหตุผลนี้เกิดจากทุกชนชาติพันธุ์ ต่างมีภาษาและอักษรเป็นของตนเอง มีวัฒนธรรมของตนเอง มีธงชาติของชนชาติพันธุ์ ดังนั้นจึงทำให้ไม่เกิดความสามัคคีกันของคนในชาตินั่นเอง

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนในชาติเขาแบ่งแยกกันมาก อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีเสาหลักเหมือนเช่นในอดีต ที่ก่อนอังกฤษจะเข้ายึดครองประเทศเมียนมา เขาเองเคยอยู่ในการปกครองขององค์พระมหากษัตริย์ แต่ต่อมาต้องพ่ายแพ้แก่ประเทศตะวันตกที่เข้ามารุกราน  และจับกุมตัวองค์พระมหากษัตริย์ของเขา ไปคุมตัวไว้ที่รัตนบุรีในประเทศอินเดีย จึงทำให้ชนชาวเมียนมาขาดสิ่งยึดเหนี่ยว อันเป็นเสาหลักให้แก่เขา เมื่อเกิดเกิดการปฎิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศ ผู้ที่ขึ้นมาปกครองแน่นอนว่าเป็นสามัญชน ที่ไม่ได้มีการสืบราชสันตติวงศ์มาก่อน ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะหากผู้นำประเทศเป็นคนที่ยึดโยงเอาประชาชนเป็นสรณะ ก็จะมีความเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าผู้นำเป็นคนที่ไม่ได้ยึดโยงเอาประชาชนเป็นสรณะ นั่นก็จะเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง หรือถ้าหากอำนาจวาสนาของผู้นำ ไม่เพียงพอให้เป็นที่ยอมรับของชนในชาติ ที่มีความหลากหลายมากเช่นประเทศเมียนมา ย่อมยากที่จะปกครองประเทศให้อยู่อย่างสงบสุขได้ สันติภาพก็ยากที่จะเกิดครับ

อีกปัจจัยหนึ่งที่มาจากภายนอกประเทศ คือทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศเมียนมา ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มาก ย่อมเป็นที่หมายตาของประเทศมหาอำนาจเสมอ ซึ่งเป็นดาบสองคมที่สามารถย้อนกลับมาเป็นภัยให้แก่ตนเองอย่างใหญ่หลวง เมื่อใดก็ตามที่ประเทศชาติอ่อนแอลง ประเทศมหาอำนาจที่จับจ้องอยู่ จะกระโดดเข้ามาขย่ำทันที เสมือนลูกแกะอ้วนที่กำลังและเล็มหญ้าอยู่กลางทุ่ง ท่ามกลางวงล้อมของเสือสมิง ย่อมยากที่จะต้านแรงกำลังของเสือสมิงได้ครับ เราจึงเห็นประเทศเมียนมาในยุคปัจจุบันนี้ไงละครับ หรือแม้แต่ประเทศที่มั่งคั่งในตะวันออกกลางอีกหลายๆประเทศ ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์อยู่ในขณะนี้นั่นแหละครับ

ดังที่กล่าวมาในหลากหลายปัจจัย ผมเชื่อว่าเหล่าเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในปัจจุบันนี้ยังคงสาระวนอยู่กับประเทศในตะวันออกกลางอยู่ ถ้าคนในประเทศเมียนมารักกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ควรจะต้องหันกลับมามองดูตนเอง และต้องรีบสร้างความรักสามัคคีกันให้ได้ ไม่ควรต้องมาแก่งแย่งชิงดีกัน อีกทั้งต้องตระหนักถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต หากวันใดก็ตามที่ตะวันออกกลางสงบ กลุ่มมหาอำนาจว่างพอที่จะมาชำเลืองดูเมียนมาอีกครั้ง ความไม่สงบก็อาจจะรุนแรงกว่าปัจจุบันนี้ก็ได้ครับ ดังนั้นประเทศเมียนมาควรจะใช้เวลานี้ รีบเร่งใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ประเทศชาติ เพราะนั่นจะเป็นทางรอดของประเทศเมียนมาครับ

เราคนไทยคงได้แต่ต้องส่งแรงใจไปให้ชาวเมียนมา เพราะถ้าหากประเทศเมียนมาไม่สงบ เราที่เป็นเพื่อนบ้านก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันครับ