thansettakij
การขยายอิทธิพลของรัสเซียในเมียนมา

การขยายอิทธิพลของรัสเซียในเมียนมา

23 มี.ค. 2568 | 22:30 น.

การขยายอิทธิพลของรัสเซียในเมียนมา คอลัมน์ เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้นำเอาข่าวการที่ท่านพล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่ายได้รับเชิญจากท่านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินให้ไปเยือนประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนก็ได้มีการประกาศข่าวอย่างเป็นทางการ ทำให้มีคำถามจากเพื่อนๆ แฟนคลับหลายท่าน ถึงการขยายอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่าจะมีผลต่อภูมิรัฐศาสตร์นี้อย่างไร? ซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจทีเดียวครับ 

ในส่วนตัวผมคิดว่า การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กับพล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับเมียนมา ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต โดยเฉพาะในแง่ของการขยายอิทธิพลทางการทหารและการทูต

ในที่นี้จะมองถึงจุดประสงค์หลักของการเจรจานี้ และประโยชน์ที่ทั้งสองฝ่ายอาจได้รับ แต่ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องมองกันให้มากกว่านี้ คือบทบาทของมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกา ที่แน่นอนว่าต้องมีการเหล่ตามองกันอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ

การสนับสนุนจากรัสเซียต่อเมียนมา ที่มีการเจรจากันนั้น มีหลายด้าน รวมถึงด้านการทหาร การส่งออกอาวุธ การให้การฝึกอบรมทางทหาร และการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุน ที่เป็นข่าวออกมา ประเทศรัสเซียมีบทบาทสำคัญในการช่วยประเทศเมียนมา ในการจัดการกับปัญหาที่เกิดจากการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2021 และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ตามมา ด้วยการที่เมียนมาได้หันมาพึ่งพารัสเซียมากขึ้น ซึ่งอาจหวังว่าการสร้างพันธมิตรทางทหารกับรัสเซีย จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคง และเพิ่มอำนาจทางการทูตในเวทีระหว่างประเทศให้กับเมียนมา

ในทางกลับกัน รัสเซียก็อาจจะมองว่า การขยายอิทธิพลในประเทศเมียนมา อาจจะเป็นโอกาสในการสร้างพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย เป็นพื้นที่มีภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการค้าและความมั่นคง ดังนั้นรัสเซียจึงต้องการเพิ่มบทบาทในภูมิภาคนี้ เพื่อเพิ่มการต่อรองในเวทีระหว่างประเทศและท้าทายอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ประเทศตะวันตกอื่นๆ

การพบกันของผู้นำทั้งสองนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับเมียนมา โดยการเจรจานี้สามารถมองได้ว่า เป็นการปูทางสำหรับการร่วมมือทางการทหาร ที่มีศักยภาพในการขยายตัวในอนาคต เช่น การจัดหาสินค้าอาวุธ การร่วมมือทางการทหารในลักษณะของการฝึกซ้อมรบร่วมกัน หรือการร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นต้น

การขยายอิทธิพลของรัสเซียในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในเชิงยุทธศาสตร์ ในอดีตประเทศรัสเซียก็เคยมีความสนใจในการสร้างพันธมิตรในภูมิภาคนี้ ตัวอย่างที่เราเคยเห็นมาในยุคสงครามเวียดนาม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการทูตและการทหาร โดยเฉพาะในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองจากแรงกดดันภายนอก เช่น การขยายตัวของนาโต้ หรือการเพิ่มความเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกากับประเทศในภูมิภาคนี้

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในพื้นที่สำคัญที่รัสเซียสนใจ นั่นก็คือ การเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติและเส้นทางการค้าในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ สำหรับการค้าระหว่างเอเชียและตะวันตก การขยายอิทธิพลในเมียนมาและภูมิภาคนี้ จะช่วยให้รัสเซียสามารถรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการทหารได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม การขยายอิทธิพลทางการทหารของรัสเซีย อาจจะสร้างความตึงเครียดในภูมิภาค โดยเฉพาะจากการตอบสนองของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หลายๆ ประเทศล้วนเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา หรือประเทศตะวันตกอื่นๆ การเพิ่มความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเมียนมา อาจกระตุ้นให้ประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ ตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายด้านความมั่นคงและการทูตของตนก็เป็นไปได้

นอกจากนี้ รัสเซียอาจจะต้องรับมือกับการตอบโต้จากมหาอำนาจชาติตะวันตก ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา การขยายการสนับสนุนรัฐบาลทหารในเมียนมา อาจจะทำให้รัสเซียตกอยู่ในตำแหน่งที่ต้องเผชิญกับการคว่ำบาตร หรือการแทรกแซงทางการทูตจากประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งรัสเซียต้องชั่งน้ำหนักของผลประโยชน์ที่จะตามมาในอนาคตด้วยเช่นกัน 

ดังที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นว่าการขยายอิทธิพลของรัสเซียในเมียนมา หรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการทหาร การทูต หรือการดำเนินการทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม จะต้องจับตามองที่การตอบสนองจากประเทศในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน เพราะหลายประเทศในภูมิภาคนี้ มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาหรือประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองมหาอำนาจนี้ น่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลทางการทหารของรัสเซีย การที่รัสเซียสนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมา อาจทำให้บางประเทศที่อยู่ในสมดุลระหว่างมหาอำนาจทั้งสอง ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการทูตของตนเอง ประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในสหภาพยุโรป อาจจะมีการแสดงท่าทีคัดค้านการเพิ่มอิทธิพลของรัสเซีย ในภูมิภาคนี้ก็เป็นไปได้ ดังนั้นต้องจับตาดูกันต่อไป

เรามาดูกันว่าการที่รัสเซียขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้ อาจจะสร้างความไม่สบายใจให้แก่สหรัฐอเมริกาและพันธมิตร จนกระทั่งเพิ่มความเข้มงวดในนโยบายทางการทูตและการทหารในอนาคต ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากการเพิ่มการสนับสนุนทางการทหารให้กับเมียนมาของรัสเซีย อาจทำให้สหรัฐอเมริกามองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญต่อเสถียรภาพและการเดินเรือในมหาสมุทรอินเดีย นั่นก็จะเป็นเรื่องที่น่าคิดเช่นกัน

อีกทั้งเรายังสามารถมองได้ในบริบทของการร่วมมือของประเทศเมียนมากับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาอาวุธ และทรัพยากรธรรมชาติในภูมิภาคนี้ แต่ถ้าหากรัสเซียมีการขยายอิทธิพลร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน อาจทำให้เกิดการตอบสนองจากประเทศต่างๆ ที่มีความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาด้วยก็ได้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ ที่การเข้ามาของรัสเซียที่ให้ความช่วยเหลือต่อประเทศเมียนมา จนกระทั่งขยายออกมาเป็นการสร้างอิทธิพลในภูมิภาคนี้ อาจจะสร้างความตึงเครียดในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

ดังนั้นการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีปูตินกับพล.อ.อาวุโส เมียน อ่อง หล่าย จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านการทหารและเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุน อาจสร้างความท้าทายใหม่ในระดับนานาชาติ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาของสถานการณ์นี้ จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองจากประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้และในระดับโลก รวมถึงการพิจารณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การค้า-การลงทุน และด้านการทหารของรัสเซียในพื้นที่นี้ ที่จะต้องมีการจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ