โรคที่ผู้สูงวัยควรระวังใส่ใจ

19 เม.ย. 2567 | 22:50 น.

โรคที่ผู้สูงวัยควรระวังใส่ใจ คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ในช่วงค่ำที่ผมกลับมาทานข้าวที่บ้าน ภรรยาก็บอกผมว่า มีเพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่ง น่าจะมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก ถูกนำส่งโรงพยาบาล มีอาการน่าเป็นห่วงมาก ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร คงต้องไปเยี่ยมดูอาการในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง ผมก็ได้แต่พูดว่า คงจะปลอดภัยแล้วละเพราะถึงมือแพทย์แล้ว ถ้าหากไม่ได้มีอาการพลัดตกหกล้มรุนแรง เมื่อส่งถึงโรงพยาบาลก็ต้องวางใจได้ระดับหนึ่งแล้วละครับ

เราผู้สูงวัยมักจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวลักษณะเช่นนี้เป็นประจำ เรื่องของเรื่องคือ “เราแก่แล้ว” สังขารที่ใช้มาหลายสิบปี ก็ต้องทรุดโทรมเป็นธรรมดา ขอเพียงต้องให้ระมัดระวังตัวเราให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพลัดตกหกล้ม เป็นเรื่องแสลงของผู้สูงอายุอย่างยิ่ง เพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ป่วยติดเตียงนั่นเองครับ ทีนี้จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนั้นละ? คำตอบคือ ต้องหมั่นสังเกตตนเองให้ดีครับ โอกาสที่ผู้สูงวัยอย่างพวกเราจะแจ็กพอตมีอยู่เสมอครับ เพราะส่วนใหญ่ของผู้ที่มีอาการโรคเส้นเลือดตีบตัน มักจะส่งสัญญาณมาให้เราทราบก่อนเสมอ อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ตัวเองเท่านั้นที่ต้องระวังตัว คนใกล้ตัวเราก็จะต้องช่วยเราสังเกตสังกาด้วยเช่นกันครับ

สัญญาณที่จะต้องสังเกตดู ก่อนที่จะเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบตัน คือ 1, การเริ่มมีอาการพูดไม่ชัด หรือไม่เข้าใจคำพูดของผู้อื่น ที่หนักกว่านั้นอาจจะถึงขั้นพูดไม่รู้เรื่องหรือพูดไม่ได้เอาเลยครับ นี่อาจจะเป็นเพราะเส้นเลือดในสมอง เริ่มที่จะส่งเม็ดเลือดไปหล่อเลี้ยงประสาทได้ไม่ดีแล้วละ จึงทำให้เรามีความรู้สึกมึนงง ไม่เข้าใจคนอื่นพูดนั่นเองครับ 2, เราจะเริ่มมีอาการอ่อนแรง แขน ขาเริ่มชา บางคนอาจจะมีอาการใบหน้าชาอย่างเฉียบพลัน ถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์หรือหน้าชาด้านเดียว หรือมีอาการหน้าตาเริ่มบิดเบี้ยวไปโดยไม่รู้ตัว นี่คือสัญญาณที่ค่อนข้างจะชัดแล้วละครับ คงต้องส่งโรงพยาบาลได้เลยครับไม่ต้องรอแล้วละครับ

3, บางคนอาจจะมีปัญหาด้านสายตาเกิดขึ้น ประสาทตาเริ่มพร่ามัว มองอะไรไม่ชัด ที่หนักหนากว่านั้น กลางวันแสกๆก็ยังคิดว่าทำไมต้องปิดไฟด้วย นั่นคือสัญญาณอันตรายอีกอย่างแล้วละครับ 4,บางคนอยู่ๆก็ไม่สามารถทรงตัวได้ เดินโซเซไปมา ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มสุรา แต่มีอาการเวียนศีรษะ หรือมึนศีรษะอย่างเฉียบพลัน มีอาการคลื่นไส้อาเจียน นั่นคืออันตรายจากการเกิดโรคเส้นเลือดในสมองตีบตันเกิดขึ้นแล้วละครับ ท่านอย่าได้รอรีครับ ต้องรีบให้ลูกหลานพาส่งโรงพยาบาลเช็คร่างกายโดยด่วนเลยครับ ถ้าขืนรอให้อาการหนักขึ้นมากกว่านี้ เกิดการพลัดตกหกล้มขึ้นมา คงต้องเตรียมตัวซื้อเตียงนอนได้เลยครับ

หากเราต้องการตรวจเช็คว่าตัวเราเอง หรือว่าผู้สูงวัยที่ใกล้ชิดเรา เริ่มมีอาการเหล่านี้หรือไม่? เราควรจะต้องทำอย่างไรให้รู้ละครับ วิธีตรวจเช็คแบบง่ายๆ เท่าที่ผมไปอ่านพบในงานวิจัยฉบับหนึ่งมา เขาให้ผู้สูงวัยหมั่นตรวจดูว่า เวลาที่ตนเองยิ้มให้หน้ากระจก รอยยิ้มของเรายังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า? ถ้าหากว่าเราคิดว่า เริ่มที่จะมีรอยยิ้มบิดเบี้ยวไปบ้างแล้ว ก็บอกให้คนใกล้ชิดเราช่วยดูให้อีกที หมั่นติดตามดูติดต่อกันหลายๆวันดูนะครับ ไม่ต้องกังวลใจว่าจะมีคนคิดว่าเราบ้า ....ฮา แต่ก็อย่าจินตนาการเอาเองนะครับ ต้องดูด้วยใจเป็นกลาง บางครั้งการยิ้มให้กระจกส่องหน้า ก็ถือเสียว่าเป็นการบริหารอารมณ์ ให้ตัวเองเป็นคนมีรอยยิ้มร่าเริงตลอดเวลา ก็ไม่เลวเหมือนกันนะครับ

ต่อมาก็ให้ทดลองยกแขนสองข้างขึ้นเหนือศีรษะดู สังเกตดูว่าการยกแขนสองข้างดังกล่าว มีแขนข้างใดข้างหนึ่งดื้อ ไม่ยอมมีแรงเหมือนแขนอีกข้าง นั่นก็แสดงว่าเส้นเลือดในสมองเริ่มทำงานไม่เป็นปกติแล้วก็ได้ครับ ลองหมั่นทำดูนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร ก็ให้ถือเสียว่า เป็นการทำกายบริหารทุกวันก็แล้วกันครับ นั่นก็จะช่วยให้เราไม่ต้องทำกายบริหารที่ไม่มีจุดประสงค์ เรายังสามารถใช้ท่ากายบริหารดังกล่าว มาตรวจเช็คสภาพของเส้นเลือดในสมองของเราด้วยครับ

สุดท้ายเวลาเราพูดคุยกับคนใกล้ตัว ก็ให้คนใกล้ตัวเราช่วยสังเกตดูด้วยก็ได้ว่า เรามีอาการพูดจาที่เริ่มจะติดขัด หรือว่าพูดจาไม่รู้เรื่องหรือไม่? หรือบางครั้งก็ต้องสังเกตดูว่าคนอื่นที่เป็นคู่สนทนา เขาพูดจาตรงตามที่เราเข้าใจหรือเปล่า? แต่ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่า ถ้าเป็นภรรยาบ่นมากๆว่า “ตาแก่นี่เริ่มพูดจาเลอะเทอะ พูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้วนะ” ก็ไม่ต้องเหมารวมนะครับว่า เอ๊ะ...หรือว่าเราเริ่มมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบตันแล้วหรือนี่? บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า ภรรยาของเรารำคาญเราแล้วก็ได้ครับ ก็เหมือนภรรยาผมนั่นแหละครับ ที่ชอบบ่นว่าผมพูดจาติดๆขัดๆ ก็คนเรามันแก่กันได้นี่นา...ไม่ได้ตั้งใจติดขัดสักกะหน่อยนะครับนะ....แฮ่ๆๆ