การเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ

24 เม.ย. 2567 | 07:38 น.
อัปเดตล่าสุด :24 เม.ย. 2567 | 07:45 น.

การเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ : คอลัมน์เศรษฐเสวนา จุฬาฯทัศนะ โดย...รศ.ดร.ขนิษฐา แต้มบุญเลิศชัย คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3986

เศรษฐกิจโลกพึ่งพาธรรมชาติอย่างมาก จากการประมาณการของ World Economic Forum พบว่า มูลค่าของภาคส่วนเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในระดับปานกลาง ไปจนถึงระดับสูง รวมแล้วนับเป็นกว่าครึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจโลก  

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาส่งผลเสียต่อความหลากหลายของพันธุ์สัตว์ พันธุ์พืช สิ่งมีชีวิต และ ระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ทุนทางธรรมชาติ (natural capital) ต่อหัวประชากรลดลงร้อยละ 40 ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1992 – 2014 และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับทุน (capital) ประเภทอื่นที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ละเลยผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สร้างความเสี่ยงและความไม่แน่นอนให้แก่ระบบเศรษฐกิจโลก และส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา

การขาดแคลนเงินทุนสนับสนุนกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เป็นปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนทุนทางธรรมชาติ ซึ่งในกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework) ที่ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ 196 ประเทศให้การรับรองเมื่อปลายปี พ.ศ. 2565 ได้กำหนดให้การแก้ปัญหาด้านการเงินเป็นหนึ่งในสี่เป้าประสงค์สำหรับปี ค.ศ. 2050 

และมีการบรรจุประเด็นด้านการระดมเงินทุน เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพจากทุกภาคส่วนไว้เป็นหนึ่งใน 23 เป้าหมายที่ต้องการบรรลุภายในปี ค.ศ. 2030 ทั้งนี้ตัวเลขช่องว่างทางการเงินที่กรอบงานดังกล่าวอ้างอิง คือ 700 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี 

เครื่องมือในการระดมเงินทุนเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพมีหลายชนิดทั้ง ตราสารหนี้ (bond) ตราสารทุน (equity) เครื่องมือทางการคลัง (fiscal measures) และ การใช้กลไกตลาด (market instrument)

ดังจะเห็นได้จากแคตตาล็อกกลไกการเงินที่ได้รวบรวมไว้ โดยโครงการไบโอฟิน (Biodiversity Finance Initiative : BIOFIN)  ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)  ซึ่งเครื่องมือทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน 

โดยการระดมเงินทุนสามารถจำแนกออกได้เป็น 4 ประเภท คือ

(1) การเพิ่มรายรับ (generate revenues) ให้แก่กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ

(2) การปรับเปลี่ยนรายจ่าย (realign expenditures) โดยลดการสนับสนุนเงินทุนต่อสิ่งที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เงินอุดหนุนที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มเงินทุนให้แก่กิจกรรมที่เป็นไปเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ 

(3) การปรับกิจกรรมด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ทำอยู่ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น (deliver better) โดยการเพิ่มประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และความเชื่อมโยง และความร่วมมือระหว่างกิจกรรม และหน่วยงานต่าง ๆ

และ (4) การดำเนินกิจกรรมที่ช่วยลดรายจ่ายในอนาคต (avoid future expenditures) โดยการลงทุนในความหลากหลายทางชีวภาพและการปรับเปลี่ยนนโยบาย 

                            การเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ

ทั้งนี้ประเทศไทยได้เริ่มขับเคลื่อนกลไกการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านโครงการนำร่องของโครงการ BIOFIN ประเทศไทยในพื้นที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และได้เริ่มเตรียมการขับเคลื่อนกลไกการเงินเพิ่มเติมในหลากหลายมิติในปี พ.ศ. 2567 

โดยเฉพาะด้านงบประมาณภาครัฐ ที่จะมุ่งสร้างศักยภาพให้แก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ในการจัดทำงบประมาณท้องถิ่น แบบมุ่งเน้นผลลัพธ์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านการจัดการป่าชายเลนอย่างยั่งยืนโดยวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดเพชรบุรี และ ด้านการขยายผลเกาะเต่าโมเดลในพื้นที่นำร่องอีก 3 แห่ง 

นอกจากนี้แล้ว ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ฉบับที่ 5 ให้สอดคล้องกับกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออล โดยจะมีการบรรจุประเด็นด้านการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพไว้อย่างชัดเจน

จากการดำเนินงานด้านการเงินเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย จากความสำคัญของการปิดช่องว่างทางการเงินสำหรับทรัพยากรธรรมชาติในระดับโลก และจากการตื่นตัวของภาคการเงินในประเด็นการเงินเพื่อความยั่งยืน (green finance)

ทำให้การดำเนินงานด้านการลงทุน เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งทั้งในส่วนของประเทศไทยเองและในการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายในระดับโลก