แต่อาจจะไม่ 100% เพราะเท่าที่ฟังดู แม้ว่าจะเห็นเงื่อนไขของผู้รับสิทธิ์ แหล่งที่มาของเงิน และรูปแบบแนวทางปฏิบัติ แต่ที่มาของแหล่งเงินนั้น ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ ชอบกล รัฐบาลบอกว่าไม่ได้กู้ แต่ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จ่ายก่อน แล้วจะตั้งงบประมาณคืนให้ภายหลัง ซึ่งผมว่าคงถกกันในทางกฎหมายสนุกต่อไป
ส่วนรายละเอียดในทางปฏิบัตินั้น แม้จะเห็นภาพมากขึ้น แต่พอลงรายละเอียดแล้ว ผมว่ายังมีประเด็นให้คุยกันอีกพอสมควรครับ เดี๋ยวคงต้องรอฟังประกาศจากทางรัฐบาลต่อ โดยเฉพาะของกระทรวงพาณิชย์ที่จะเป็นเจ้าภาพในการจดทะเบียนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
และผู้คนอีก 50 ล้านคน ที่จะได้รับเงิน ตามเงื่อนไขที่รัฐบาลประกาศ คือมีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี มีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท อายุเกิน 16 ปี รอให้ถึงเวลานั้นดูสิครับว่าจะมีสักเท่าไหร่ เงินจะไหลผ่านแอพพิเคชั่นใหม่แบบไหน อย่างไร แต่ผมขออนุญาตวิพากษ์ เพราะรายละเอียด
ที่ประกาศยังบอกให้รอ ดังนั้น ผมขอมองภาพที่ยังมีประเด็นที่ต้องขบคิดอีกหน่อย ดังนี้
เรื่องนี้ สรุปแล้วง่าย ๆ งานนี้มีความหวังมากขึ้น เกือบชัวร์ ที่จะได้เงิน 10,000 บาทต่อคน แน่ ๆ แต่ต้องรอต่อไปอีกนิด เหมือนที่เลื่อนมาหลายครั้งละครับ เที่ยวสงกรานต์ให้สบายใจทั้งคนแจกและคนรับแจก
ผมว่ารอดูรายละเอียดต่อจากหน่วยงานต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลก็บริหารความรู้สึก บรรดาแฟน ๆ ที่เชียร์โครงการแจกเงินนี้ โดยออกข่าวที่ละนิด ที่ละหน่อย รักษาความหวัง ดูทีท่าอารมณ์ของแฟน และก็หาแพะรับบาปแทน พร้อม ๆ กับหากระไดลงไปเรื่อย ๆ นี่ก็ปาเข้าไป 8 เดือนแล้ว ก็ยังรอต่อไป แต่มีความหวังมากขึ้น กลยุทธ์นี้นักการเมืองมือใหม่ต้องเรียนรู้ เดี๋ยวพอรายละเอียดออกมาจนครบคงได้เห็นภาพชัดว่าตัวคูณนโยบายน่าจะเป็นอย่างที่รัฐบาลว่าไว้ที่ 3.3 หรือไม่
อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบรัฐมนตรีจุลพันธ์ ที่ท่านตอบคำถามเกี่ยวกับ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ ที่มีคนถามท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านเศรษฐาก็ทำหน้างงๆ แล้วก็หันไปที่ท่านจุลพันธ์ ซึ่งท่านก็ตอบว่า ท่านได้ตั้งงบประมาณเพิ่มในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในปีนี้แล้ว และจะเพิ่มขึ้นทุกปีตลอดที่เป็นรัฐบาล แต่ผมเข้าใจว่าที่นักข่าวเค้าถามนั้น ต้องการถามว่าที่ท่านนายกฯ ต้องการตั้งงบประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น เพื่อพัฒนาศักยภาพและผู้ประกอบการไทยทั่วไป เพื่อให้เพิ่มขีดความสามารถ หรือ productivity มากขึ้นนั้น ยังมีงบที่แสนล้านหรือไม่ หรือเลิกแล้ว หรือนำมาใช้แจกแทน เพราะชอบพูดว่าหมื่นบาทนี้นำไปลงทุนได้ซื้อวัตถุดิบได้
แต่ที่ท่านจุลพันธ์ฯ พูดถึงนั้น คืออีกกองทุนหนึ่งที่ตั้งขึ้นในสมัย คสช. เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เรียกว่า กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่อยู่ในการดูแลของ BOI ซึ่งส่วนใหญ่ทุกวันนี้ คนที่ได้ไปก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการ
และมีงบประมาณในปี 2567 นี้เพียง 15,000 ล้านบาทครับ จากเดิม 10,000 ล้านบาท เรื่องนี้ ผมว่าท่านตอบถูกเป๊ะ แต่เป็นคนละเรื่องและวัตถุประสงค์ที่คนถามมาครับ และผมก็ไม่รู้ว่าท่านนายกฯ ว่าไง เพราะท่านก็ยิ้มเป็นสุข และกล่าวขอบคุณ แต่ถ้าผมเป็นผู้ประกอบการไทย ผมไม่โอเค
ผมก็ยังยืนยันว่าเจตนารมณ์ของท่านนายกรัฐมนตรี ที่จะตั้งกองทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ให้กับผู้ประกอบการไทยในภาพรวมนั้น ผมว่าดีมาก และสนับสนุนเต็มเยียด เพราะถ้าหากศักยภาพทางเศรษฐกิจของเราไม่ดีแล้วต่อให้ยัดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเท่าไร การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ไม่เกินกับศักยภาพที่เรามีอยู่ เราน่าจะเลิกคิดว่าเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพได้แล้ว
ไม่เช่นนั้นเราก็จบลงที่การอัดนโยบายแบบนี้ไม่สิ้นสุด แต่ลองคิดดูใหม่ว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจเราต่ำ เลยขยายตัวได้ต่ำ บางทีอาจทำให้เราเลือกใช้นโยบายอย่างชาญฉลาดมากขึ้น (ถ้าไม่นับนโยบายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง)
ผมยังยืนยันแนวคิดของท่านนายกรัฐมนตรีถูกต้องและจำเป็นต้องรีบพัฒนา productivity ของประเทศ เพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนจริง ๆ บนพื้นฐานศักยภาพที่เข้มแข็ง