ทำให้นโยบายต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงไปด้วยตามหลักการนั้นมาตรการต่างๆ จะต้องนำมาทบทวนโดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งกระทบกับความเชื่อมั่นและความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจอย่างมาก
แม้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาได้โดยเร็ว ซึ่งก็คือคุณแพทองธาร ชินวัตร “นายน้อย” ของบ้านจันทร์ส่องหล้า แต่กระบวนการทำงานทางด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเริ่มพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยก็คือเงินดิจิทัล
และส่วนนโยบาย 8 Hubs ของนายกฯ คนเก่า ที่เดิมก็เงียบอยู่แล้ว ก็คงหายไปพร้อม ๆ กับทีมงานของ “น้านิด” ซึ่งที่ผ่านมาตื่นเต้นกันอยู่วันเดียว คือวันประกาศนโยบาย จากนั้นหน่วยงานต่าง ๆประกาศนโยบายตัวเองออกมาตามมาตรการ 8 Hubs ก็คือกิจกรรมและภารกิจปกติของหน่วยงาน ไม่มีอะไรพิเศษจนเป็นความหวังได้มาก โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งจะว่าไปก็เหลืออยู่ตัวเดียวเท่านั้นสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ ในปีนี้ ก็คือการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งหนทางข้างหน้าก็วิบากกรรมเหลือทน
การเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “คุณอุ๊งอิ๊ง” ในครั้งนี้ แม้ว่าจะมีเงาทมึนของคุณพ่ออยู่ข้างหลัง ซึ่งก็มีกิติศัพท์เหลือคณานับ แต่ก็เชื่อว่าคุณทักษิณจะไม่สั่งการแบบพิสดาร พิลึก และเสี่ยงภัยให้ลูกอิ๊งแน่นอน และนโยบายที่แนะนำน่าจะดูดีกว่านอมินีตัวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง เพราะไพ่ใบนี้อาจเป็นไพ่ใบสุดท้ายของตระกูลชินวัตรในเวทีการเมืองและอนาคตของพรรคเพื่อไทย และนายกฯ คนใหม่ก็ดูจะมีความคิดของตนเองพอประมาณ
แต่โจทย์ที่ต้องทำให้ได้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สำหรับช่วงสามปีต่อจากนี้จะมีหลากมิติ ทั้งเพื่อประเทศ เพื่อประชาชนคนไทย และปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้องทำเพื่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคตด้วย
โจทย์สำคัญที่วางอยู่ตรงหน้า “นายน้อย” คือ การออกแบบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นให้ขยายตัวอยู่ในอัตราที่คนพอเห็นฝีมือบ้าง เพราะตอนนี้ประมาณการไว้ที่ 2.5% แต่ดูทรงตัวเลข GDP ในไตรมาสแรก และตัวเลขส่งออก รวมทั้งข่าวลบทางด้านการปิดกิจการและโรงงานแล้ว ผมว่าให้ได้เกิน 2% ก็ถือว่าพอได้
นั่นคือภาพที่คนไทยทุกคน ทั้งที่เป็นแฟนพรรคเพื่อไทย หรือเกลียด หรือเฉย ๆ จะรับทราบถึงฝีมือของคุณอุ๊งอิ๊งในการนั่งหัวโต๊ะ ครม. ครั้งนี้ และความท้าทายทีมงานในครั้งนี้ก็คือ การออกแบบมาตรการต่าง ๆ จะต้องตอบความคาดหวังผู้ลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยมา เพราะเชื่อในคำสัญญาที่ให้ไว้ จำแม่น ๆ คือ แจกเงินดิจิทัล ขึ้นค่าจ้าง ราคาข้าวของและไฟฟ้าถูกลงทันที (ผมไม่ยุ่งกับเรื่องไม่เอาลุง ๆ) รวมทั้งการทำให้ภาพนโยบายและการทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นภาพ “คนรุ่นใหม่” ซึ่งคำนิยามของคนรุ่นใหม่ ไม่ได้วัดที่ “อายุ” แต่วัดที่ “วิธีคิด” เพราะเราเห็นพวกนักการเมืองอายุน้อย ๆ แต่วิธีคิดแบบเดิม ๆ ก็เยอะ
ผมขอบังอาจแนะนำในความคิดของผมนะครับ โดยพยายามดูเงื่อนไขทุกอย่างแล้วเข้าใจแบบนักการเมือง
ตอนนี้ต้องให้กำลังท่านนายกรัฐมนตรีใหม่ของเราในการบริหารประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยงมากกว่าปัจจัยสนับสนุน จะไหวหรือไม่ ดูตอนตั้ง ครม. ก็คงพอรู้ว่าจะหวังอะไรได้มากน้อยขนาดไหน