ลัดฟ้าไปแล้ว นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไม่อยู่ประเทศไทยร่วม 10 กว่าวัน เดินทางเยือน 3 ประเทศ ออสเตรเลีย ไปเจรจาความเพียบ ทั้งทวิภาคี ทั้งกลุ่มภูมิภาค เยือนออสเตรเลียเที่ยวนี้นอกจากพบปะหารือผู้นำสูงสุดออสเตรเลีย พูดจาค้าขาย ชักชวนลงทุนแล้ว ระหว่างนั้นยังนัดพบเจอผู้นำอาเซียนบางประเทศ กระชับความร่วมมือกันให้มากขึ้น
ต่อจากออสเตรเลียบินไป เยอรมนี พูดคุยการท่องเที่ยว ที่เขาจัดงานด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่นั่นพอดี ก็เป็นโอกาสที่นายกฯ จะได้ขายด้านการท่องเที่ยว ที่เป็นความสำคัญแรกๆ ในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพื่อดันเศรษฐกิจ ต่อจากเยอรมนี ข้ามพรมแดนไป ฝรั่งเศส พูดจากับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กระชับความสัมพันธ์กับยุโรป
ผู้คนติฉินนินทานายกฯ มัวแต่เดินสายไม่สนใจแก้เศรษฐกิจของประเทศที่เป็นปัญหา ขาดผู้นำทัพ มัวแต่เป็นเซลล์แมน ก็เห็นว่าหนักเกินไป อันที่จริงการเดินสายเยือนต่างประเทศ ไปโรดโชว์ต่างๆ ก็เป็นงานด้านหนึ่งของผู้นำประเทศและเป็นงานที่สำคัญ ในการนำพาประเทศให้เป็นที่รู้จัก หรือตอกยํ้าซํ้ากับมิตรประเทศเก่าๆ ว่าเรากำลังทำอะไร ประเทศจะเดินอย่างไร จะเข้ามาร่วมจะเข้ามาแจมกันได้อย่างไร มุมไหน จุดไหน
แต่อย่างว่าเป็นงานที่ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ทันที ใช่ว่าเดินทางไปแล้วเขาจะหอบเงินมาทันที แต่เพื่อเป็นการยืนยันการทำธุรกิจร่วมกัน แจกแจงยุทธศาสตร์ประเทศไทยที่กำลังเดิน มีเป้าหมายอย่างไร ด้วยปากของผู้นำประเทศเอง ก็เรียกความเชื่อมั่น ฟื้นความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยกลับสู่สายตานานาชาติอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหลายประเทศ ทั้งยักษ์ใหญ่ ยักษ์เล็ก มองผ่านประเทศไปนานหลายปี ก็ลองหันไปมองอีกด้านหนึ่งของเหรียญบ้างปะไร
อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญประการหนึ่ง ที่มิอาจละเลยในการทำงานของ นายกฯเศรษฐา อยู่ที่การควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอีกตำแหน่งหนึ่งต่างหาก ที่น่าขบคิด ว่าการทำงานทำให้สะดุดติดขัดในบางประเด็น หรือในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องการคลัง การเงิน ที่ต้องตัวจริงเท่านั้น ต้องเป็นเอกภาพ ต้องเป็นเอกเทศเท่านั้นสำหรับรมต.คลัง งานจึงจะเดิน
เมื่อ นายกฯ ควบรวมกับงานคลัง แม้จะมอบหมายรัฐมนตรีช่วยไปเกือบทั้งหมดก็ตาม งานบางประการ ในระบบราชการไทยๆ ต้องเงี่ยหูฟัง ว่าการเอาไงเรื่องนี้ บางเรื่องรมว.ต้องริเริ่ม สั่งการ ติดตาม แบบใกล้ชิดงานมันถึงจะเดินหน้าได้เต็มกำลัง ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าข้าราชการคลังคอยฟังนายใหญ่อย่างเดียว เขาก็ทำของเขา แต่บางเรื่องราว หรือ การริเริ่ม เริ่มต้นใหม่ ก็ต้องมาจากหัวหน้าหน่วยโดยตรง ไหนๆ ก็จะปรับครม.แล้ว ก็ปรับรมว.คลังออกไปเสีย หาคนใหม่มาแทนจะเป็นการดีที่สุด ลองพิจารณาดูเอาเถิด ฯพณฯ
ซัดกันนัว ไม่รู้ศึกนี้จะบานปลายหรือไม่ ว่าด้วยเรื่อง สปก. สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กรมอุทยานฯ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อต่างคนต่างแจ้งความกลับกันนัว เมื่ออุทยานไล่ล่าจับกุมถอนหมุด และซัดใส่ สปก. ว่าด้วยเรื่องที่ สปก. ออกรุกลํ้าป่าอุทยาน ทางสปก.ก็แจ้งความกลับ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ที่นำทีมไปถอนหมุด สปก. กลายเป็นต่างคนต่างถือกฎหมายคนละฉบับ ถือแผนที่คนละฉบับ ถือมีดกันคนละเล่ม ก็ใส่กันยับ
เรื่องนี้แม้ นายกฯเศรษฐา จะลงมาหย่าศึก ปรามๆ ลงไป แต่ใช่ว่าจะยุติ หรือ สงบชั่วคราวแต่ประการใด ข้างหลังยังฟัดกันนัว ว่ากันตามหน้าเสื่อแล้วอันที่จริง กระทรวงทรัพยากรฯ กับ กระทรวงเกษตรฯ อยู่ใต้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรี 2 คน ก็ส่งไปจากพรรคพลังประชารัฐ หรือ ลุงป้อม ที่หายป่วยแล้วกำลังเดินสายอยู่ในขณะนี้ ต้องออกมาจัดการเสียที ว่าแต่ลุงป้อมลงมาจัดแล้วจะสงบรึ...?
สุดจะทน...กับถนนเจ้าปัญหา ถนนเจ็ดชั่วโคตร นายกฯเศรษฐา ลุยเองแล้ว เรียก แพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง มาพบสั่งให้ตัดเกรดผู้รับเหมา ที่ผลงานไม่ดี ทำงานล่าช้า การประเมินเกรด ตัดเกรด จะทำให้สามารถควบคุมผู้รับเหมา ให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ “ผมไม่อยากให้ประชาชนเดือดร้อนกับโครงการก่อสร้างถนนที่ไม่เสร็จตามเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องไปดูแลส่วนนี้ด้วย ประเด็นนี้คือส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาเรื่องโครงสร้าง หากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างใด ทำงานล่าช้า ไม่ส่งงานตามที่กำหนด หรือ งานไม่ได้คุณภาพ ผมขอให้มีการตัดเกรดลงมาด้วย ซึ่งบทลงโทษจะทำให้เกิดความกระตือรือร้น ในความรับผิดชอบต่อการรับงานในทางกลับกันก็ต้องเลื่อนเกรดกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่ทำงานดีสำเร็จลุล่วงด้วย”
วันก่อน บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ และ ธานี ลิมปนารมณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพี ออลล์ นำทีมงานจัดทริปแรกสายบุญร่วมกับสื่อหลายสำนักรวมถึงคอลัมน์นิสต์ ล่องเรือ-ไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสริมมงคลปีมังกร เรียกว่าเป็นทริปท่องเที่ยวทางนํ้าปทุมธานีไหว้พระ 3 วัด ไล่ตั้งแต่วัดโบสถ์ และวัดสองพี่น้อง อ.สามโคก และปิดท้ายด้วยวัดโบสถ์ อ.เมือง ...เรียกว่างานนี้นอกจากได้ทำบุญถวายสังฆทานร่วมกันแล้ว ยังได้ความรู้ประวัติศาสตร์ที่มาของวัดวาอาราม-พระพุทธรูป ที่มีตำนานความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปทุมธานีมายาวนาน รวมถึงได้ชมวิถีชีวิตชาวไทยเชื้อสายมอญชุมชนริมนํ้าเจ้าพระยาแบบเต็มอิ่มอีกด้วย