ปัญหาที่ได้มักได้ยิน เมื่อทำประกันไปสักระยะเวลาหนึ่ง คือ
อ้าว ความคุ้มครองหมดไปแล้วเหรอ นึกว่าได้ตลอดชีวิต
อ้าว ทำไมเราจ่ายแพงกว่าเพื่อนที่ซื้อความคุ้มครอง 10 ล้านเหมือนกัน
อ้าว ทำไมครบกำหนด ไม่เห็นได้เงินอะไรเลย
อ้าว ทำไมเพื่อนที่ซื้อยกเลิก แล้วได้เงินคืน ทำไมเราไม่มีเงินคืน
อ่านบทความนี้จบแยกได้แน่นอน เพราะประกันเป็นสินค้าที่ควรซื้อให้ถูกต้องตั้งแต่แรก
(เพราะความไม่รู้ มีราคาที่ต้องจ่าย)
เรามักจะเห็นบ่อยๆ เลยกับความคุ้มครอง 10 ล้าน หรือ สร้างมรดก 10 ล้าน ด้วยเบี้ยหลักหมื่น หรือจะอะไรก็ตามแต่
ถ้าดูเบี้ยที่ถูกสุด ความคุ้มครองมากสุด แบบนี้ก็ตัดสินใจได้เลย แต่... ช้าก่อน
ก่อนที่จะเลือกตัดสินใจ ควรทราบว่า
ประกันที่เน้นความคุ้มครองชีวิตในตลาด ปัจจุบันที่เน้นขายมีอยู่ 3 ประเภท
เวลาจะเลือก ก็เลือกถูกสุดสิ ก็จบเลยดีไหม ง่ายดี มีแบบนี้แล้วจะมีแบบอื่นมาอีกทำไม อืม... มันมีอะไรที่แตกต่างกันแน่นอน
ก่อนจะเลือก ให้เทียบพิจารณาจาก 3 ประเด็น
เรามาดูกันทีละประเด็น
สำหรับ ลูกค้าเพศหญิง อายุ 35 ปี ทุนความคุ้มครอง 10 ล้าน
ประเด็นแรก : เบี้ยที่จ่าย
จากรูปจะแห็นว่า
(หมายเหตุ: ควบการลงทุน สามารถเลือกจำนวนปีที่ชำระเบี้ยว่าจะชำระเบี้ยกี่ปีได้เอง แต่เพื่อการเปรียบเทียบจึงใช้ 20 ปี)
ถ้าดูแค่เบี้ย ก็เลือกชั่วระยะเวลาไปเลยดีไหม
แต่ใจเย็นครับ เราดูประเด็นถัดไปก่อนครับ ว่าเราต้องการอะไรจริงๆ
ประเด็นที่สอง : ความคุ้มครอง กรณีที่เราจากไป ในแต่ละช่วงอายุ
2. ตลอดชีพ 99/20ง่ายๆ คือ คุ้มครอง 10 ล้านตั้งแต่วันแรกที่ทำ จนถึงอายุ 99 ไม่ว่าเราจะจากไปที่อายุเท่าไหร่ เงิน 10 ล้านจะถูกส่งต่อให้ผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ หรือ ทายาท ถ้าอายุ 99 เรายังขยันอยากหายใจอยู่ ณ วันนั้น เราก็รับเงิน 10 ล้าน แบบนี้ไม่ว่าจะจากไปก่อน หรือ อยู่ถึงครบกำหนด ก็ได้รับเงิน 10 ล้าน แน่นอนไม่ทางใดก็ทางนึง แค่ว่าคนรับจะเป็นใคร
3. ควบการลงทุน ชำระเบี้ย 20 ปี จะได้ 10 ล้านที่ทำความคุ้มครองไว้ + เงินที่อยู่ในกองทุน ส่งมอบให้ทายาท แต่จะหมดความคุ้มครองเมื่ออายุ 74 ปี เพราะเงินส่วนในกองทุน จะมาชำระเป็นค่าความคุ้มครองชีวิตเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดไป (ไว้จะอธิบายในบทความหน้า เกี่ยวกับประกันควบการลงทุน)
(หมายเหตุ: ควบการลงทุน ตั้งสมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 5% ต่อปี อาจขาดทุน หรือได้กำไรมากกว่าที่กำหนด)
ประเด็นที่สาม : เงินคืนที่ได้รับที่ปีต่างๆ กรณียกเลิกกรมธรรม์ หรือ ครบกำหนด
จากกราฟตัวอย่าง
3. ควบการลงทุน ชำระเบี้ย 20 ปี กรณียกเลิกกรมธรรม์ จะได้รับเงินคืนส่วนที่ลงทุนในกองทุน
จากกราฟ
(หมายเหตุ: ควบการลงทุน ตั้งสมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 5% ต่อปี อาจขาดทุน หรือได้กำไรมากกว่าที่กำหนด)
ประกันแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเราต้องการตอบโจทย์เรื่องใดๆ ในชีวิตบ้าง เช่น แค่ต้องการปกป้องหนี้ที่มีอยู่ระยะเวลานึงเท่านั้น หรือไม่อยากจ่ายทิ้ง อยากให้มีเงินออกใช้บ้างตอนเกษียณ หรือต้องการทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ทายาท
ไม่มีแบบไหนที่ดีที่สุด จะมีก็แค่ แบบไหนที่ดี และเหมาะกับแผนชีวิตของเรา ตามที่เราต้องการประโยชน์จากประกันแผนนั้นๆ
ลองคุยกับนักวางแผนการเงิน เพื่อค้นหาความต้องการ ทำความเข้าใจประโยชน์ และข้อจำกัดของแต่ละแผน จากนั้นจึงเลือกแบบให้เหมาะกับเราที่สุด
ที่มา : สมาคมนักวางแผนการเงินไทย