STARK โลกสวย...ไม่มีจริง!

25 พ.ค. 2566 | 22:05 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2566 | 00:14 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ STARK โลกสวย...ไม่มีจริง! โดย...เจ๊เมาธ์

*** เมื่อเห็นราคาหุ้นของ CBG ปรับลงมาแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปี ทำให้เจ๊เมาธ์ได้โอกาสกลับมาทบทวนว่า ในช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นกับผลการดำเนินงานและความเชื่อมั่นในตราสินค้าของ CBG อย่างแรก คือ ผลการดำเนินงานที่ยังคงปรับตัวลง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศปรับลงมา 8% ขณะที่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้ 29% ปรับตัวลงมาถึง 23% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา 

กรณีนี้เจ๊เมาธ์มองว่า น่าจะไม่ใช่เรื่องของการฟื้นตัวช้า เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ตามที่ผู้บริหารให้ข้อมูลเนื่องจากธุรกิจที่เคยได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เริ่มฟื้นตัวกันแล้ว ขณะที่เรื่องของตราสินค้าของ CBG ที่เจ๊เมาธ์มองว่า อาจจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง ใหญ่ที่สุดก็น่าจะมาจากกรณีการพูดพาดพิงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีของ “แอ๊ด คาราบาว” ซึ่งแม้ว่าท้ายที่สุด จะจบลงด้วยดีและเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของ CBG แต่ด้วยภาพลักษณ์ของน้าแอ๊ด ที่เป็นเสมือนโลโก้ของบริษัท ก็น่าจะมีผลกระทบกับเครื่องดื่ม “คาราบาวแดง” พอสมควร
 
อย่างไรก็ตาม CBG ยังมีรายการสินค้าอยู่อีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น น้ำเปล่า เครื่องดื่มผสมวิตามินเพื่อสุขภาพ กาแฟ หรือ มีแม้แต่ เหล้าสี...เหล้าขาว ดังนั้นแฟนคลับของ CBG ที่ยังติดดอยอยู่ก็สบายใจได้...แค่นี้ไม่มีปัญหา แม้ว่าจะฟื้นตัวช้า แต่ก็น่าจะฟื้น ปีนี้ไม่ฟื้นก็ยังมีปีหน้า...ถ้าปีหน้าไม่ฟื้นก็รอปีต่อไป เรื่องมันก็เท่านั้นเอง

*** อัพเดทล่าสุดของ STARK ก็คือ ตลท.จะปลดเครื่องหมาย SP ให้กลับมาซื้อขายชั่วคราวได้เป็นเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย. 66 โดยวันแรกของการซื้อขายจะไม่มีการกำหนด ceiling-floor ทำให้ทั้งกองเชียร์และกองแช่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องรอลุ้นว่า ราคาหุ้นจะร่วงต่อเนื่องกี่ฟลอร์แบบที่เคยเกิดขึ้นกับ MORE เพราะเราจะได้เห็นราคาที่แท้จริง ตั้งแต่การกลับเข้ามาซื้อขายในวันแรก (1 มิ.ย. 66) โดยที่ไม่ต้องรอดูในแบบวันต่อวันอีกต่อไป 

ขณะเดียวกันในฝั่งผู้บริหารของ STARK ก็พยายามที่จะแก้เกมด้วยการกำหนดวันที่จะเปิดเผยข้อมูลการเงินภายใน 16 มิ.ย. หรือ 15 วันหลังจากวันที่เริ่มกลับมาซื้อขายวันแรก ซึ่งในกรณีที่ผลการดำเนินงานไม่มีปัญหา ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นของ STARK อาจจะดีดตัวกลับขึ้นมาหลังจากถูกปล่อยผีในช่วง 15 วันแรก ขณะเดียวกันถ้าดีจริง ก็อาจทำให้ ตลท. อนุญาตให้ STARK กลับมาซื้อขายได้ปกติอีกครั้ง 
 
อย่างไรก็ตาม...ในทางกลับกันถ้าผลการดำเนินงานที่จะเปิดเผยออกมาเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดี ก็บอกได้เลยว่าจะจบลงแบบเจ็บๆ งานนี้เจ๊เมาธ์ขอเตือนเอาไว้ล่วงหน้าเลยว่าโลกสวยๆ ไม่มีอยู่จริง ถ้าจะมี...ก็คงมีแค่ในนิยายเท่านั้น 

STARK ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงความคืบหน้าของการจัดทำงบการเงินปี 2565 ตามที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจพบพฤติการณ์อันควรสงสัยในประเด็นการดำเนินงาน ได้ตั้งคณะทำงานภายในเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชี และการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ (special audit) ได้ประสานงานกับผู้สอบบัญชีในการเร่งสอบทานงบการเงินประจำปี 2565เพื่อให้บริษัทสามารถเปิดเผยข้อมูลทางบัญชีเบื้องต้น แก่นักลงทุนในระหว่างที่มีการเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว 

บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในวันที่ 16 มิ.ย. 2566 บริษัทยังบรรเทาความกังวลและเรียกคืนความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นกู้และผู้ลงทุน โดยให้ความร่วมมือกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในการให้ข้อมูลที่จำเป็นกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ และเตรียมทำหนังสือชี้แจงสถานการณ์ของบริษัท และความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ ผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้เห็นว่าบริษัทยังคงดำเนินการที่จำเป็นเพื่อกอบกู้สถานการณ์ของบริษัท 

มีการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้จำนวนทั้งสิ้น 67.1 ล้านบาท ตามกำหนดชำระเดือน พ.ค. ตั้งสายด่วนเพิ่มช่องทางให้ข้อมูลและชี้แจง เร่งทำงบการเงินปี 65 ส่วนกรณีผู้สอบบัญชีพบธุรกรรมที่อาจผิดปกติ บริษัทไม่นิ่งนอนใจได้ตั้งผู้บริหารใหม่เข้ามาทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และปรับปรุงระบบควบคุมภายในให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท 
 
ส่วนการใช้เงินจากการออกหุ้นกู้ 3 ชุดนั้น เนื่องจากผู้บริหารที่แต่งตั้งขึ้นใหม่ซึ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 1 เดือน ได้ใช้ความพยายามในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่เปิดเผยในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นกู้หรือไม่ จากการตรวจสอบเบื้องต้น บริษัทพบว่าได้มีการนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการออกหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดไปใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของบริษัทรวมถึงชำระสินเชื่อธนาคาร หรือ บริษัทในกลุ่ม ชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทย่อย ชำระคืนตั๋วแลกเงิน รวมตลอดถึงการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการขยายธุรกิจและ/หรือ การลงทุนของกลุ่มบริษัท
 
*** ข่าวการจะดึงเอาพืชกัญชากลับไปอยู่ในบัญชีของยาเสพติดอีกครั้งส่งผลกระทบกับหุ้นที่ได้ลงทุนในธุรกิจนี้ไปแล้วหลายตัว หนักที่สุดน่าจะเป็น GUNKUL ที่ทุ่มสุดตัวด้วยวงเงินกว่า 2 พันล้านบาท ในทั้งกระบวนการปลูก และโรงงานสกัดที่จัดเต็มเทคโนโลยีแบบทันสมัยสุดๆ รวมไปถึง ALPHAX และ JSP ที่รวมกันก่อตั้งโรงงานสกัดด้วยกัน 

นอกจากนี้ก็ยังมี THG BRR CHAYO SUN HFT TWZ STA รวมไปถึงอีกหลายบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจกัญชา ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อนับรวมไปถึงตัวเลขความเสียหายของภาควิสาหกิจชุมชนและเอกชนที่ลงทุนในธุรกิจนี้อีกจำนวนมาก อาจทำให้ตัวเลขรวมปาเข้าไปเฉียดๆ หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก
 
อย่าลืมว่าที่ได้ลงทุนกัน ก็เพราะนโยบายที่มาจากทางภาครัฐ ถึงแม้ในตอนนี้การดึงพืชกัญชาให้กลับเข้าไปอยู่ในบัญชีของยาเสพติด จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว ทำให้มีคำถามว่าได้มีการวางระบบในการชดเชยให้กับผู้เสียหายให้กับผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนหรือไม่ อย่าลืมว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เอกชนเป็นผู้เริ่ม ดังนั้น ถ้าจะให้เอกชนมารับเคราะห์ทั้งหมดมันคงจะไม่ถูกต้องเช่นกัน

*** ราคาหุ้นของ MPIC วิ่งชนราคาซิลลิ่งต่อเนื่องกัน 2 วัน หลังจากที่ “ขันเงิน เนื้อนวล” นักร้องดังจากวงไทเทเนี่ยม ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 92.46% ที่ราคาหุ้นละ 0.54 บาท รวมมูลค่า 650 ล้านบาท มาจากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม ความน่าสนใจของดีลนี้ก็คือ การที่นักร้องดังรายนี้สามารถซื้อหุ้นล็อตใหญ่นี้ได้ในราคาเพียง 0.54 บาท ทั้งที่ในรอบปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของ MPIC อยู่ในจุดต่ำสุดที่ 1.40 บาท ส่งผลให้ขันเงินสามารถซื้อหุ้นของ MPIC ได้ถูกกว่าราคาหุ้นที่ต่ำที่สุดในรอบปีถึง 0.95 บาท หรือคิดเป็นเกือบๆ 200% ซึ่งกลายเป็นว่า ไม่ว่านักร้องรายนี้จะขายหุ้นออกมาที่ราคาเท่าไหร่ก็ยังมีกำไรตลอดเวลา ส่วนอย่างที่สองก็คือ เริ่มแรกของการดีลเพื่อซื้อ MPIC มีชื่อของ ชินวัฒน์ อัศวโภคี เป็นผู้ที่เข้ามาทำดีล ...แต่ท้ายที่สุดคนที่ได้ไปก็คือ ขันเงิน แม้ว่าต่อมา ขันเงิน จะให้ข้อมูลว่า ชินวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาในการเจรจาก็ตาม 
 
แต่ก็อย่างว่า...เมื่อดีลจบและทุกอย่างเมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วก็คงจะจบลงด้วยเหมือนกัน หลังจากนี้ก็รอดูแค่เพียงว่านักลงทุนรายใหญ่รายย่อยที่มีต้นทุนสูงกว่า 0.45 บาท ยังจะกล้าถือหุ้นต่อไปในขณะที่รายใหญ่มีต้นทุนต่ำมาก และพร้อมที่จะขายหุ้นออกมาหรือไม่ เรื่องของปลาใหญ่กินปลาน้อย เกิดขึ้นได้ทุกวัน...ตลาดหุ้นไทยก็เป็นแบบนี้นี่เอง 

หน้า 13  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,891 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566