หาก “ฟันผุ” หรือเป็นโรคปริทันต์อักเสบ อย่ามองข้าม หรือคิดว่าจะหายได้เอง เพราะผู้ป่วยฟันผุ เชื้อทะลุโพรง ประสาทฟันจนถึงปลายรากฟัน เชื้ออาจลุกลามไปจนเกิดหนองภายในช่องเยื่อหุ้มปอด ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอันตรายอย่างมากและต้องรีบทำการรักษา หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เสียชีวิตได้
โรคฟันผุ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แบคทีเรียในช่องปาก พฤติกรรมการทานอาหาร การแปรงฟันไม่สะอาด หากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการอักเสบ และเชื้อโรคลุกลามไปที่รากฟัน เกิดหนอง นอกจากนี้โรคปริทันต์อักเสบ อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อรุนแรง
เมื่อโรคลุกลามมากจนกระดูกที่รองรับฟันถูกทำลายไป อาจจะพบเหงือกร่น ฟันโยกหรือฟันเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม มีหนอง หรือเหงือกบวมใหญ่จนเป็นฝีปริทันต์ และเกิดการติดเชื้อและส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า โพรงไซนัส ลำคอ ปอด เสี่ยงต่อการติดเชื้อและกระจายไปอวัยวะสำคัญต่างๆ
ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปาก จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรสังเกตฟันและสภาพช่องปากของตนเอง ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรกินจุกจิก และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม เล่าให้ฟังว่า สาเหตุฟันผุ เกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานสัมผัสกับฟันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบฟันเปลี่ยนเป็นกรดที่มีฤทธิ์ทำลายผิวฟัน จนกระทั่งทำให้ฟันถูกกัดกร่อนทำลายเป็นรูผุ จากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน เมื่อการผุลุกลามมากขึ้น ซึ่งจะมีอาการเสียวฟันเมื่อรับประทานหวาน ร้อนจัดหรือเย็นจัด และมีอาการปวดฟัน
เมื่อฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟันหรือรากฟันอักเสบเป็นหนอง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะเกิดฝีหนองที่ปลายรากฟันได้ นอกจากนี้เหงือกอักเสบแล้วไม่ทำการรักษา โรคจะลุกลามจนเป็นโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งจะพบมีเหงือกแดงบวม และมีเลือดออกขณะแปรงฟัน เมื่อโรคลุกลามรุนแรงขึ้นจะทำให้ฟันโยก อาจเกิดหนองหรือเป็นฝีปริทันต์ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกายได้
หากพบว่าตนเองเริ่มมีอาการเกี่ยวกับโรคในช่องปาก ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาก่อนอาการจะลุกลาม รวมถึงดูแลสุขภาพช่องปาก ทำความสะอาดฟันให้ถูกวิธี แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน และใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคฟันผุ ช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหาในช่องปากและโรคฟันอื่นๆ และพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,825 วันที่ 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2565