ความชื้นต้นเหตุ "โรคภูมิแพ้" ภัยเงียบใกล้ตัว

09 ก.ค. 2567 | 01:30 น.

ความชื้นต้นเหตุ "โรคภูมิแพ้" ภัยเงียบใกล้ตัว : Tricks for Life

"โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคภูมิแพ้" ทั้งทางจมูกและทางผิวหนัง อาจทำให้หลายคนเริ่มกังวลเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ที่มาพร้อมกับความชื้น เชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย กลิ่นอับชื้น และใครไม่อยากป่วย มาทำความรู้จักการรักษาสมดุลความชื้นในอากาศ อีกหนึ่งแนวทางในการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคทางเดินหายใจ เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ ในช่วงฤดูฝน

แพทย์หญิงศิวาพร ทรัพย์สพรั่ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา กล่าวว่า ความชื้น (Humidity) คือความเข้มข้นของไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ ถ้าระดับความชื้นในอากาศที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสบายตัว โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 40% RH – 60% RH และหากในบ้านมีความชื้นมากเกินไปนอกจากจะทำให้ร่างกายรู้สึกอึดอัด และยังทำให้อากาศภายในห้องเกิดไอน้ำ คราบน้ำ หรือละอองน้ำจำนวนมาก ซึ่งเชื้อราและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีความชื้น ที่นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นอับแล้ว สปอร์ของเชื้อรายังเป็นภัยคุกคามที่เข้าไปกระตุ้นโรคภูมิแพ้และหอบหืด อีกทั้งยังทำให้ร่างกายเหนียวเหนอะหนะและรู้สึกไม่สบายตัวอีกด้วย 

นอกจากนี้ความชื้นที่มากเกินไปยังส่งผลให้วัสดุที่เป็นผ้า พรม เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ได้รับความเสียหาย ซึ่งความชื้นกับฤดูฝนเป็นของคู่กัน แต่การที่มีความชื้นสูงในอากาศมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เนื่องจากอากาศที่มีปริมาณความชื้นสูงสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสบางชนิดทำให้มีโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น  เช่น ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ภูมิแพ้กำเริบ หอบหืด รวมถึงโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา ผดร้อน ผื่นลมพิษต่างๆ ที่อาจโดนกระตุ้นจากอุณหภูมิและความชื้น

ความชื้นต้นเหตุ \"โรคภูมิแพ้\" ภัยเงียบใกล้ตัว

ฉะนั้น การดูแลสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการรักษาสมดุลความชื้นในอากาศภายในบ้าน เนื่องจากความชื้นที่สมดุลสามารถช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ทำให้บ้านสะอาดและปลอดภัยจากสารก่อภูมิแพ้ได้ ดังนั้น การรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสม ประมาณ 40% RH– 60% RH  จะช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และคันตา หรือแม้แต่โรคภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ

แพทย์หญิงศิวาพร กล่าวว่า ความชื้นที่มากจนเกินไปจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจ คนที่แพ้สิ่งกระตุ้นเหล่านี้จะมีอาการภูมิแพ้กำเริบ ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกหรือหอบหืด และอาจทำให้ผู้ป่วยที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือเป็นลมพิษได้   

ส่วนความชื้นที่น้อยเกินไป ทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจแห้งลง ขนพัดโบกในจมูกทำงานได้ลดลง (Mucociliary Clearance) ทำให้ทางเดินหายใจเกิดการระคายเคืองง่าย เกิดอาการแสบจมูก เลือดกำเดาไหลง่าย เจ็บคอ คอแห้ง ไอ และยังทำให้ติดเชื้อทางเดินหายใจง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ตาแห้ง เคืองตา และผิวหนังแห้งหยาบกร้านและเกิดผื่นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ความชื้นต้นเหตุ \"โรคภูมิแพ้\" ภัยเงียบใกล้ตัว ดังนั้น การป้องกันคือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่เราแพ้ รวมไปถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อโรคภูมิแพ้ เช่น กำจัดไรฝุ่น ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ เปิดระบายอากาศในห้องเพื่อไม่ให้ความชื้นสูงเกิน อาจใช้เครื่องลดความชื้น ที่มีมาตรฐานสามารถปรับความชื้นที่เหมาะสมในห้องเพื่อลดการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ปรับสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัยให้อากาศในห้องไม่ชื้นและสะอาด อีกทั้งยังควรรักษาความสะอาดของร่างกาย ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการติดเชื้อที่มากับฤดูฝน ดื่มน้ำให้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ยาคุมอาการตามแพทย์สั่ง และคอยสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการกำเริบควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับยา

ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด