ภาวะอ้วน-อดนอน ต้นเหตุโรคหืดและภูมิแพ้ ทำคนไทยเสียชีวิต 4 พันคนต่อปี

08 ก.ค. 2567 | 07:27 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ค. 2567 | 08:01 น.

คนไทยเสียชีวิตจาก "โรคหืดและภูมิแพ้" เฉลี่ย 4,000 คน/ปี เผยปัจจัยป่วยสูงสุดจากภาวะอ้วน ความเครียด การอดนอน และมลภาวะทางอากาศ โดยการปรับพฤติกรรมสามารถรักษาหายขาดได้

ศ.พญ.ดร. อรพรรณ โพชนุกูล ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และหอบหืด ประจำศูนย์ความเป็นเลิศด้านภูมิแพ้ โรงพยาบาล BNH และนายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย(Thailand Asthma Council) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากสถิติประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคหืดหรือภูมิแพ้ที่เสียชีวิต 3,000-4,000 คน/ปี อาการรุนแรงจนต้องนอนห้องฉุกเฉินเฉลี่ย 1 ใน 3 จากผู้ป่วยทั้งหมด หรือประมาณ 30% และส่วนใหญ่จะมีอาการกำเริบในช่วง อากาศมีมลภาวะเป็นพิษ ฤดูฝน และช่วงฤดูหนาว แม้ปัจจุบันจะมียารักษาที่ดีกว่าในอดีต แต่ผู้ป่วยที่ยังมีอาการรุนแรงและรักษายากจนถึงขั้นเสียชีวิตก็ยังไม่ลดลง

จากการศึกษาพบว่า บุคคลที่ป่วยมีปัจจัยมาจากมลภาวะทางอากาศสูงขึ้น คนที่ไม่เคยเป็นหรือไม่เคยป่วยโรคนี้มีแนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้น อาจมีอาการภูมิแพ้กำเริบหรือภาวะการดื้อยามากขึ้นด้วย ซึ่งในอดีตโรคนี้มักเกิดจากพันธุกรรม ถ่ายทอดมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่สู่รุ่นลูก แต่ในปัจจุบันปัจจัยด้านพันธุกรรมลดลงไปมาก หลายคนที่ป่วยไม่เคยมีประวัติครอบครัวเป็นมาก่อน ฉะนั้น สิ่งที่มีผลทำให้เกิดโรคหืดและภูมิแพ้มักมาจากสภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

นอกจากนี้ จากข้อมูลการศึกษาพบว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดโรคหืดและภูมิแพ้คือภาวะอ้วน โดยเฉพาะบุคคลที่มีดัชนีมวลกายหรือค่า BMI เกิน 30 และมีน้ำหนักมากก็มีความเสี่ยงสูง ถัดมาจะเป็นความเครียดและภาวะซึมเศร้า ทำให้การรักษายากขึ้นเฉลี่ย 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ และมักมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย บางครั้งอาจแยกได้ยากว่าเกิดขึ้นโดยภาวะทางจิตใจหรือร่างกาย นอกจากนี้จะมีปัจจัยเรื่องการอดนอน การนอนน้อยหรือพักผ่อนไม่เป็นเวลาทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะกับระบบทางเดินหายใจ

ภาวะอ้วน-อดนอน ต้นเหตุโรคหืดและภูมิแพ้ ทำคนไทยเสียชีวิต 4 พันคนต่อปี

สรุปเบื้องต้น มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหืดและภูมิแพ้ ได้แก่
1. ภาวะอ้วน
2. ความเครียด
3. การอดนอน
4. มลภาวะทางอากาศ

คนช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไปที่เป็นโรคหืดและภูมิแพ้เนื่องจากภาวะอ้วนมีค่อนข้างสูง แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า หรือ 40 : 60 และเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุสัดส่วนการป่วยของผู้หญิงกับผู้ชายจะไม่แตกต่างกันมากนัก และโรคนี้จะพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนเพศ และสิ่งที่ทำให้การรักษายากขึ้นหรือเกิดการดื้อยาคือมลภาวะทางอากาศที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นควันบุหรี่ไรฝุ่น รวมถึงภาวะโลกร้อน โดยโรคหืดกว่า 44%คุมอาการไม่ได้ อีก 40% ระบุอาการไม่ได้ และต้องเข้านอนรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 17%

ศ.พญ.ดร. อรพรรณ กล่าวว่า โรคหืดและโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่จะเกิดการอักเสบทั่วร่างกาย แต่จะเกิดได้มากตรงตำแหน่งที่ถูกกระตุ้น เช่น การแพ้อากาศจะเกิดการอักเสบบริเวณจมูก, หอบหืดจะเกิดการอักเสบที่บริเวณหลอดลม, ผื่นแพ้ผิวหนังจะเกิดการอักเสบบริเวณผิวหนัง ฯลฯ เมื่อเกิดความเครียดจะเกิดการอักเสบหลายส่วน ภาวะอดนอนก็มากระตุ้นให้ร่างการหลังฮอร์โมนอีก ซึ่งการนอนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ สามารถสร้างกล้ามเนื้อช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ อาจกล่าวได้ว่าการนอนน้อยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะอ้วน ฉะนั้นคนที่นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา จะควบคุมน้ำหนักได้ยาก

นอกจากนี้ ภาวะอ้วนยังทำให้เกิดการนอนกรน เนื่องจากทางเดินหายใจถูกอุดกั้นขณะนอนหลับ ทำให้โรคหอบหืดควบคุมได้ยาก ไม่ตอบสนองต่อยาพ่นหรือยาสเตียรอยด์ที่ใช้ในการรักษา และยังมีโรคอื่นตามมาอีก เช่น กรดไหลย้อน ซึ่งการรักษานอกจากใช้ยาแล้วต้องปรับพฤติกรรมของผู้ป่วยในแต่ละคนด้วย เพราะคนเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่นหรือไม่เหมือนคนปกติทั่วไป และมักไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก ช่วงที่อาการกำเริบอาจจะออกจากบ้านไม่ได้ นอกหลับไม่สนิท แม้แต่ออกกำลังกายยังเหนื่อยหอบ ส่งผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่ออยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดก็ถึงขั้นเสียชีวิต

"แนวทางการป้องกันรักษาโรคหืดและภูมิแพ้ดีที่สุดคือ ดูแลไลฟ์สไตล์ของชีวิตหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดี หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ซึ่งจะช่วยให้โรคไม่กำเริบและรักษาได้โดยไม่ต้องใช้ยา สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะในเด็กจะหายได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ส่วนผู้ใหญ่จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และในวัยผู้ใหญ่กว่า 50% ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นโรคหืด เพราะบางรายอาจมาด้วยอาการไอเรื้อรัง หรือเกิดอาการแพ้บ่อยจนชิน ตระหนักรู้น้อย หัวใจสำคัญอย่าปล่อยให้เป็นก่อนรักษา ควรเห็นความสำคัญก่อนการรักษา ทั้งยังสามารถลดอัตราการเกิดโรค NCDs ได้ด้วย"