พระพุทธเจ้าสอนวิธีการจับจ่ายใช้สอยให้มีความสุขแต่ไม่ใช่การประหยัดอย่างที่หลายคนเข้าใจ
คนในยุคก่อน มักจะพูดว่า ถ้าอยากร่ำรวย ควรที่จะต้องระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่าย คือ ใช้จ่ายให้ประหยัด หรือ หาได้เท่าไหร่ใช้ให้น้อยกว่าก็จะร่ำรวย
คนยุคใหม่บอกว่า เราควรมีกระเป๋าตังค์หลายใบ หมายถึง มีช่องทางในการหารายได้ให้มากกว่าช่องทางเดียว และ ต้องรู้จักใช้จ่ายให้มีความสุข
ความจริงการเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต เราควรใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่ว่า ความสุขต่อการทำงาน ความสุขต่อการได้รับเงินค่าจ้างต่างตอบแทน ไม่ว่าแม้แต่การจับจ่ายใช้สอยก็ความมีความสุขเช่นกัน
แต่จะทำอย่างไร แม้เรามีรายได้น้อย แต่ก็สามารถทำให้ตนเองมีความสุขต่อการจับจ่ายใช้สอยอย่างมีความสุขได้ แน่นอนหลายคนอาจจะมองว่า ประเด็นนี้ไม่น่าที่จะมีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย
การใช้จ่ายให้เกิดความสุข มิใช่เกิดจากการใช้จ่ายคราวละมากๆ หรือ ใช้จ่ายน้อยๆ แต่การใช้จ่ายให้พอดีพอเหมาะต่างหากที่จะทำให้เรามีความสุขในการจับจ่ายใช้สอยได้อย่างแท้จริง
คำว่าจับจ่ายใช้สอย ที่พอเหมาะนั้น หลายคนอาจจะฉงนใจว่า อะไรคือคำว่าเหมาะ เหมาะนี่คือเหมาะสม แล้วก็ต้องเหมาะสมกับอะไร คำตอบคือ เหมาะสมกับฐานะ
พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า สมชีวิตา อ่านว่า สะมะชีวิตา ซึ่งคือ การจับจ่ายใช้สอยให้สมกับฐานะของตนเองที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง
แต่เงินที่จับจ่ายใช้สอยต้องมิใช่เงินในอนาคต อาทิ กดเงินสดจากบัตรเครดิตมาใช้จ่าย หรือ กู้ยืมใครมาเป็นต้น ความสุขที่เกิดจากการจับจ่ายใช้สอยอย่างแท้จริงนั้นต้องเป็นเงินที่อยู่ในปัจจุบัน ที่เกิดจากรายได้ แบบนี้ต่างหาก คือ สิ่งที่ถูกต้องและควรที่จะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ผู้ใดปฏิบัติได้ตามนี้ คือ ผู้ใช้ชีวิตตามรอยของพระพุทธเจ้า ทุกการจับจ่ายใช้สอยของคุณจะมีแต่ความสุขและไม่เป็นการใช้เงินเกินตัว แต่อย่างใด