อนุโมทนาไม่เป็นได้บาป

30 มี.ค. 2565 | 19:30 น.
อัปเดตล่าสุด :30 มี.ค. 2565 | 23:21 น.

คอลัมน์ ทำมา ธรรมะ โดย ราชรามัญ

การอนุโมทนา คือ การพลอยยินดี

 

เราอาจจะคุ้นเคยหรือเห็นอยู่เป็นประจำ เวลาที่ใครก็ตามทำบุญ เราก็จะร่วมประเด็นวาจาอนุโมทนาสาธุกับเขาการอนุโมทนาสาธุนั่นแหละคือการพลอยยินดีในกุศลที่เขากระทำ การที่เราพลอยยินดีในกุศลให้เขากระทำนั้นตัวเราเองก็ได้รับกุศลนั้นด้วย

คนโบราณจึงบอกว่า เห็นผู้ใด ทำการบุญการกุศล หากเรายกมืออนุโมทนาสาธุ ในกุศลนั้นก็จะมาตกถึงเราด้วยเช่นคนเขาบวชพระ ขณะที่เขาเป็นนาคกำลังแห่รอบโบสถ์แล้วเราเห็นแล้วเรายกมือสาธุ เราก็ได้รับบุญนั้นด้วย

 

พุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาแห่งใจเน้นที่ใจเพียงอย่างเดียว ใครทำอะไรอย่างไร ในมุมของกุศลแล้วเราใช้ใจอนุโมทนาเราก็ได้บุญแล้วยิ่งถ้าเราได้ร่วมปัจจัยไทยทาน เรายิ่งได้บุญมากขึ้นไปอีก

แต่มันมีสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการอนุโมทนาเหมือนกัน แต่เป็นการอนุโมทนาบาป ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้มาก่อน อย่าลืมนะว่าอนุโมทนากับเรายินดี ในการหนึ่งถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ ผู้กระทำความผิดได้

 

แล้วเป็นคนทำผิดที่ร้ายแรงมากเมื่อออกข่าว เราได้ดู แล้วเราบอกว่าสมน้ำหน้าสมควรโดนจับเอาไปยิงเป้า หรือ แค่เพียงสมน้ำหน้าบอกติดคุกหัวโตนี่เป็นการพลอยยินดีหรืออนุโมทนาบาปแล้ว

 

ดังนั้นเราควรระมัดระวัง ในการอนุโมทนา เพราะว่าถ้าเราไปอนุโมทนาบาปมากๆ บาปนั้นก็จะตกถึงตัวเราด้วยเช่นเดียวกัน

 

พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า กายกรรม วจีกรรม ไม่มีผลร้ายแรงเท่ามโนธรรม ดังนั้นมโนกรรมจึงส่งผลแรงและเร็วมากการอนุโมทนา เราก็ควรระมัดระวังอย่าเผลอไปอนุโมทนาบาปเข้าจะทำให้เราได้รับบาปโดยไม่รู้ตัว