โรคที่เกิดจากความเค็ม ผู้สูงวัยควรระวัง !!!

03 ก.พ. 2566 | 21:00 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ก.พ. 2566 | 22:56 น.

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

ไม่กี่วันก่อน ผมได้เดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อไปพบกับเพื่อนสนิทที่นั่น ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ ผมก็เลยถือโอกาสได้ไปเดินชมตลาดและหาอาหารอร่อยๆ ประจำท้องถิ่นทานกัน ซึ่งต้องบอกว่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมยาวนานทีเดียว มีทั้งวัดวาอารามที่มากมาย 

ในอดีตไม่นานมานี้ก็ยังเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายๆ อย่าง เช่น จตุคามรามเทพ และองค์พระธาตุที่ผมไม่พลาดที่จะต้องไปกราบไหว้แน่นอนครับ ในขณะที่ตอนไปเดินชมตลาดสด ผมก็ทำตัวเป็นพญาน้อยชมตลาด ก็ได้พบเห็นอาหารทะเลสดๆ น่ารับประทานมาก เรียกว่าอาหารการกินที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆครับ 

ผมยังชมว่าน่าอิจฉาคนใต้บ้านเรา ที่มีปลาทะเลสดๆ ให้รับประทานกันทุกมื้อ เพราะเพื่อนบอกว่า อาหารทะเลที่นครศรีธรรมราช ถ้าไม่สดก็ขายไม่ออกเลยครับ

พอตกกลางคืน ก็ไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารชื่อดังของจังหวัด (ขอสงวนชื่อร้านนะครับ เพราะไม่ได้ค่าโฆษณา) อาหารที่นี่รสชาติจัดจ้านมาก สมคำร่ำลือจริงๆ อาหารจานเผ็ดก็แสนจะเผ็ด อาหารจานหวานก็แสนจะหวาน แต่ก็คงจะอร่อยถูกปากชาวปักใต้บ้านเราจริงๆ 

คืนนั้นกว่าจะได้กลับไปนอนที่โรงแรม ก็เกือบสี่ทุ่มเลยครับ ตื่นเช้าขึ้นมา ก็นัดกับน้องรักที่เรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน ไปทานอาหารเช้านอกโรงแรม ที่ร้านชื่อดังของจังหวัดอีกนั่นแหละ (ไม่บอกชื่อครับ...แฮ่) 

เช้านั้นสิ่งที่ได้สัมผัสมา คืออาหารเช้ายันอาหารค่ำ รสชาติจะจัดจ้านแทบทุกมื้อ ต้องขออนุญาตพูดจากใจเลยนะครับ ว่าส่วนตัวจะรู้สึกว่า ตนเองดัดจริตเป็นห่วงสุขภาพมากเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้? เพราะอาหารที่เมืองนี้ออกจะเค็มไปหน่อย ซึ่งก็ต้องบอกว่าน่าเป็นห่วงสุขภาพคนแก่อย่างผมจริงๆ ครับ

การทานอาหารที่เค็ม(มีโซเดียม)มากเกินไป สำหรับผู้ที่มีอายุมากเช่นผม ผมคิดว่าในด้านสุขอนามัยแล้ว จะเป็นการเสี่ยงมากเกินไปครับ เพราะอาหารเค็มมากๆ จะนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บ โดยไม่จำเป็นครับ เพราะการทานอาหารเค็มไม่เฉพาะที่จะเกิดโรคไตเสื่อมเท่านั้น ยังเป็นบ่อเกิดโรคอื่นๆ อีกมากมายครับ เช่น โรคหัวใจ โรคนิ่ว โรคหืดหอบ โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์-อัมพาต โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็งและโรคอ้วนอีกด้วย เจ้าสองตัวหลังนี่แหละครับ ที่ผู้สูงอายุอย่างเราๆ ท่านๆ กลัวกันมากที่สุดครับ
      
พูดไปจะหาว่าข่มขู่ เพราะโรคต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด โซเดียมหรือเกลือเป็นตัวช่วยกระตุ้นที่ร้ายกาจที่สุดเลยครับ แม้โซเดียมหรือเกลือจะมีผลร้าย แต่สำหรับบางท่านก็อาจจะเป็นผลดีก็ได้ ซึ่งสำหรับผู้สูงอายุบางท่าน ก็ขาดโซเดียมไม่ได้เหมือนกัน 

ตัวอย่างเช่น คุณแม่ยายผมเองครับ ท่านก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจครับ ปัจจุบันนี้ท่านมีอายุ 94 ปีแล้ว แต่ตัวท่านเองในวัยนี้ ยังคงมีกำลังวังชาที่ดีในบางขณะ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีก่อน ท่านยังสามารถเดินเหินเองได้สบายๆ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งท่านไม่ยอมทานอาหาร จนเป็นที่กังวลใจของลูก-หลานมาก มีอาการคล้ายๆคนเบื่ออาหาร 

จนกระทั่งตนเองเริ่มลุกเดินไม่ค่อยจะไหว ลูก-หลานพยายามป้อนข้าว-ป้อนน้ำ ท่านก็จะทานแค่คำสองคำก็หยุด เป็นที่ตื่นตระหนกสำหรับลูก-หลานมาก จึงนำท่านส่งโรงพยาบาล แพทย์ที่โรงพยาบาลหลายแห่งตรวจหาโรคเพื่อวินิจฉัยก็ไม่เจอว่าเป็นโรคอะไร? คุณหมอบางท่านก็บอกว่าเป็นอาการของโรคหัวใจบ้างละ บางท่านก็ไม่ทราบสาเหตุก็จะให้ตรวจโน่น นี่ นั่น จนกระทั่งมีแพทย์ท่านหนึ่ง แนะนำว่าลองให้น้ำเกลือดูก่อนมั้ย เผื่ออาการอ่อนเพลียจะหายไป 

ปรากฏว่าพอให้น้ำเกลือแค่นั้นแหละ ท่านฟื้นเป็นคนละคนเลยครับ คุณหมอจึงบอกว่าเป็นอาการของคนที่ขาดโซเดียมหรือเกลือ ให้ทานอาหารเค็มขึ้นสักนิดดู ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ เลยครับ นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า อาหารเค็มหรือความเข้มข้นของเกลือหรือโซเดียมมาก ก็ใช่ว่าจะเกิดผลร้ายเพียงอย่างเดียว ต้องแล้วแต่ปัจเจกบุคคลเป็นสำคัญครับ 
          
อย่างไรก็ตาม ในความคิดของผม ผมก็ยังเชื่อด้านวิทยาศาสตร์ไว้ก่อน นั่นคือต้องเดินสายกลางเข้าไว้ คืออย่าทานเกลือหรือโซเดียมที่เสริมความเค็มมากจนเกินไป เอาแค่ปะแล่มๆ ก็น่าจะเพียงพอ น่าจะปลอดภัยกว่านะครับ แล้วอาจจะมีบางท่านถามว่า จะให้ทานเกลือหรือโซเดียมประมาณเท่าไหร่ต่อวันถึงจะพอดีละ? 

ในทางการสาธารณสุข เขาให้ทานโซเดียมหรือเกลือวันละไม่เกินหนึ่งช้อนชา หรือ 2,000 มิลลิกรัม/คน/วัน ก็น่าจะเพียงพอ แต่บ้านเราทั่วไปทุกวันนี้ มักจะทานกันวันละ 3,600 มิลลิกรัม/คน/วัน ในขณะที่เด็กไทยมักจะทานกันประมาณ 3,100 มิลลิกรัม/คน/วัน ซึ่งก็ออกจะสูงไปนิดนะครับ ถ้ายังห่วงสุขภาพ ผมคิดว่าลดลงสักนิดก็จะดีที่สุดนะครับ
        

จะเห็นว่าผู้สูงอายุที่นอกเหนือจากคนที่ขาดโซเดียม เพื่อป้องกันอาการโรคภัยไข้เจ็บเข้ามากล้ำกราย เราต้องคำนึงไว้เสมอว่า “อย่าเค็มมาก” จนเกินไป ซึ่งเค็มในที่นี้ ไม่ใช่เค็มที่แปลว่าขี้เหนียวหรือตระหนี่ถี่เหนียวนะครับ เค็มจากโซเดียมหรือเกลือนั่นเองครับ เพื่อปลอดโรคปลอดภัยนั่นเองครับ จะได้ไม่ต้องมานอนติดเตียงในอนาคตครับ !!!!