เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา อาจารย์ที่ผมเคารพรักท่านหนึ่ง ได้ส่งบทความเกี่ยวกับการงีบหลับกลางวัน มาให้ผมอ่าน ซึ่งเป็นความรู้ใหม่ว่า ประโยชน์ของการงีบหลับกลางวันนั้น มีประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุ และเด็กๆ อย่างเหลือเชื่อจริงๆ ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงนำมาแบ่งปันให้แก่เพื่อนๆ ทุกท่านต่อนะครับ หวังว่าจะไม่เป็นการคัดลอกบทความเขามาทั้งดุ้นนะครับ
ทำให้ผมคิดถึงสมัยที่ผมเรียนหนังสือที่โรงเรียนจีนตอนเด็กๆ ที่เดินขึ้นเขาไปเรียนที่โรงเรียนบ้านสันติคีรีหรือบนดอยแม่สะลองนั่นแหละครับ แต่ที่บนดอยครูไม่ได้ให้เราได้มีเวลานอนกลางวันเลย แตกต่างจากตอนที่เรียนอยู่ที่ใต้หวัน
ที่บนดอยแม่สะลองนั้น ทุกวันจะต้องตื่นนอนกันตั้งแต่เช้ามืด คือเวลา 6:00 น. ครูผู้ปกครองก็จะเป่านกหวีดเรียกตื่นเด็กนักเรียนแล้ว จากนั้น 6:30 น.ก็จะมาเข้าแถวทำกายบริหาร ที่จริงต้องเรียกว่า “ฝึกทหาร” จึงจะถูก เพราะจะเป็นการเดินพาเหรดแบบทหารเดินกัน ก็ซ้ายหัน-ขวาหันนั่นแหละครับ
จากนั้นครูก็จะปล่อยแถวประมาณ 7:30 น. แล้วจึงเข้าเรียนภาคเช้ากัน เรียนเสร็จก็จะปล่อยให้ทานข้าวเช้า(บวกข้าวเที่ยง)กันประมาณ 9:30 น. ทานข้าวเสร็จก็จะเรียกให้เข้าเรียนกันตอน 11:00 จนกระทั่งถึง 15:00 น.จึงเลิกเรียน 15:30 น.ก็ทานข้าวกลางวัน (บวกข้าวเย็น) อีกแล้วละครับ
เสร็จแล้วจึงได้ไปอาบน้ำอาบท่ากันที่ตีนดอย อาบน้ำเสร็จต้องหิ้วน้ำกลับมาที่หอพักอีกคนละหนึ่งถัง พอตกกลางคืนประมาณ 7:00 น. ครูก็จะเคาะระฆังให้เข้าห้องเรียนต่อ แต่เป็นการเรียนด้วยตนเอง ก็เป็นการบังคับให้อ่านหนังสือนั่นแหละครับ ทำให้เราไม่มีเวลาว่างพอจะนอนกลางวันกัน จะเป็นเช่นนี้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทำให้มีความรู้สึกว่าไม่ค่อยได้พักผ่อนกันเลยครับ
ในขณะที่ไปเรียนต่อที่ไต้หวัน ช่วงกลางวันหลังทานข้าวกลางวันเสร็จ ครูก็จะบังคับให้นักเรียนทุกคนพักนอนการนอนหรืองีบหลับบนโต๊ะ 30 นาทีทุกวัน ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ง่วง เพราะไม่เคยชินครับ แต่ก็ต้องฟุบหัวบนโต๊ะเรียน เพื่อให้เด็กๆ ทุกคนได้งีบกลางวันกัน
แม้เราจะไม่ง่วงก็ต้องนอน เพราะเด็กนักเรียนใต้หวันเขาหลับกันหมด เราไม่หลับก็ไม่รู้จะนั่งซึมอยู่คนเดียวทำอะไร หากวันไหนไม่อยากงีบ ก็ต้องหากิจกรรมอื่นๆ ทำ เช่น ออกไปที่สนามฝึกเตะฟุตบอล หรือไม่ก็อ้างจะต้องแข่งขันอะไรต่อมิอะไรไป โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ครูท่านสั่งให้ทำนั้น มีผลดีต่อตัวเราอะไรบ้าง?
พอกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ทำมาหากินแล้ว ที่บริษัทก็รับสมัครพนักงานที่เป็นชาวจีนเข้ามาทำงานคนหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็มีนิสัยต้องงีบหลับกลางวัน เพราะที่โรงเรียนในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนก็จะคล้ายกับไต้หวัน ที่ให้เด็กพักงีบหลับกลางวันเหมือนกัน
แต่พนักงานไทยเราไม่มีนิสัยงีบกลางวันกัน ก็จะมองว่าพนักงานจีนเหล่านี้ขี้เกียจ หรือชอบหลับกลางวัน ซึ่งจริงๆ แล้ว นั่นเป็นการพักที่มีประโยชน์มากๆ เพราะจะทำให้มีการพักผ่อนสมองและร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมาก แต่พวกเราไม่คุ้นเคย จึงมองแต่ด้านลบอย่างเดียวเลยครับ
การ “งีบหลับ” ตอนกลางวัน ได้มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Harvard Medical school พบว่า การงีบหลับกลางวันเป็นประจำ จะทำให้บุคคลที่เป็นเพศหญิง ลดการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงมากถึง 37% เลยทีเดียว ในขณะที่บุคคลที่เป็นเพศชาย ก็สามารถลดการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจดังกล่าว มากกว่าเพศหญิงถึงหนึ่งเท่าเลยครับ คือลดมากถึง 74% ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันว่า ลดมากกว่าการทานยาเสียอีก
ยังมีผลสำรวจจากหน่วยงานหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการสำรวจจากตัวอย่างทั้งหมด 3,000 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 35-75 ปี พบว่าคนที่มีการนอนพักกลางวันหรืองีบหลับกลางวันหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ สามารถลดความเสี่ยงจากการป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตก โรคหัวใจล้มเหลว ได้มากถึง 42%
ซึ่งทั้งสามโรคนี้ เป็นโรคเจ้าประจำของคนฝรั่งมังค่า หรือคนฝั่งตะวันตกเลยครับ นี่คือผลดีที่คนทางฝั่งยุโรปเขาทำการวิจัยมาแล้วครับ เราจะเห็นว่าชาวฝรั่งเศสเอง ก็นิยมที่จะพักกลางวันด้วยการงีบหลับกันอยู่เป็นประจำครับ
ในส่วนของชาวอาเซียนก็จะมีชาวสปป.ลาวและชาวเวียดนามนี่แหละครับ ที่นิยมนอนกลางวันหรืองีบหลับกัน เพราะเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อนครับ ในอดีตสมัยที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่อำเภอเชียงของ ก็จะมีเพื่อนๆ ชาวลาวข้ามฝั่งแม่น้ำโขง มาเรียนหนังสือกันเยอะเหมือนกัน เขาก็มักจะชอบหลับกลางวันกันเสมอ
หรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ช่วงพักเที่ยงเขาก็จะแอบงีบกันอยู่นะครับ (แต่ระยะหลังไม่ได้เข้าไปสปป.ลาวนานแล้ว ไม่ทราบว่าเขายังคงหลับกลางวันกันอยู่อีกหรือเปล่า?) แต่ที่แน่ๆ เห็นช่วงหลังๆ นี้ เท่าที่เคยไปทำงานที่สปป.ลาว พักเที่ยงก็จะเห็นเขาเฮฮาปาร์ตี้กันเสมอครับ ถ้าท่านใดมีข้อมูลก็ส่งมาให้ผมด้วย ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ
พวกเราชาวสมาคมผู้สูงวัยทั้งหลาย มักจะมองข้ามการนอนพักกลางวันหรืองีบหลับกลางวันเสมอ ส่วนใหญ่มักจะเกรงลูกหลานจะพูดว่า “ทำตัวเป็นคนแก่ขี้เซาไปได้” แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว พวกเรามักจะนอนไม่ค่อยหลับกันในตอนกลางคืนกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะพอเข้าสู่วัยชรา พอเวลาหลังอาหารค่ำไม่เกินสองทุ่ม ก็จะง่วงเหงาหาวนอนกัน แต่พอล้มตัวลงไปนอนกันจริงๆจังๆ ก็จะนอนไม่หลับอีก
ซึ่งกว่าจะหลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนเป็นประจำ แต่พอตอนเช้ามืดไก่ยังไม่ทันโห่ ก็จะตื่นเสียแล้ว ดังนั้นหากเราจะนอนกลางวันหรืองีบหลับเสียบ้าง ก็จะกระไรเสียนะครับ ดีเสียอีก จะได้ไม่นอนติดเตียง เป็นภาระให้ลูก-หลานครับ