คำว่าสมมุติในทางโลกนั้นให้นิยามกันว่า สิ่งที่ไม่เป็นจริงหรือสิ่งที่เป็นแค่จินตนาการ ไม่สามารถจะเป็นจริงได้ และคำว่าสมมุตินี้เมื่อไปใช้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในรูปประโยคการสื่อสาร ไม่ว่าพูดหรือเขียนก็ทำให้เข้าใจได้ว่าเรื่องนั้นสิ่งนั้นไม่เป็นความจริงเสมอ
แต่ในทางธรรมนั้นคำว่า สมมุติ มักจะมีต่อท้ายคำว่า สัจจะ นั่นย่อมมีความหมายอันลึกซึ้งที่หมายถึงว่า "เป็นความจริงในสิ่งสมมุติทั้งปวง"
อาทิเช่น ร่างกายก็เป็นความจริงแต่เป็นความจริงที่ถูกสมมติขึ้นว่า นี่คือแขน นี่คือขา นี่คือศีรษะ เป็นต้น หรือแม้แต่รถก็เป็นความจริง แต่เป็นความจริงที่ถูกสมมติขึ้นให้เรียกว่ารถ ที่อยู่อาศัยก็ถูกสมมติให้เรียกว่าบ้าน ให้เรียกว่าคอนโดหรือให้เรียกว่าทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม แตกต่างกันออกไปด้วยรูปลักษณะ
ความจริงในสิ่งสมมุติหรือที่เรียกว่า สมมุติสัจจะ จึงมีความละเอียดอ่อนมากกว่าคำว่า สมมุติในทางโลก เพราะมันคือความจริงที่ถูกกำหนดขึ้นโดยมนุษย์สร้าง โดยมนุษย์หรือสร้างโดยธรรมชาติก็สุดแท้แต่บริบทนั้นๆ
แต่พวกเราทั้งหลายโดยมากอยู่กับสมมุติ แล้วก็ไปยึดติดในสมมุติ โดยเฉพาะสมมุติติดสัจจะทั้งปวงที่เรามีความทุกข์กันทุกวันนี้ที่เราพอมีความสุขบ้างในทุกวันนี้ก็เพราะเข้าไปยึดติดในสมมติสัจจะด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
สมมุติสัจจะทั้งหลายที่เราใช้ร่วมกันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเรารู้จักใช้ให้มันพอดีเราก็จะรู้สึกไม่มีความทุกข์ใดๆ และจะเป็นการใช้ที่ทำให้เรามีความสุขและจะทำให้เราสบายใจ แต่เมื่อไหร่ที่เราเข้าไปยึดแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม สิ่งที่ปรากฏขึ้นนั้นทำให้เราเป็นทุกข์ทันที โดยไม่มีข้อแม้ไม่ว่าจะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย
เพจทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขณะนี้เราจะยอมรับกันได้หรือไม่ว่าล้วนแต่เกิดจากการที่เข้าไปยึดติดทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินเรื่องทอง เรื่องวัตถุนิยมทั้งปวง ที่ทำให้คนต้องสร้างบาปสร้างกรรมใส่กัน เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เงินทองหรือวัตถุนิยม มีความสำคัญในชีวิต เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้สิ่งเหล่านั้น ด้วยความรู้สึกที่ดีด้วยความรู้สึกที่รู้จักคำว่า พอ ความทุกข์ทั้งปวงก็จะไม่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
เราลองมาปรับฐานความคิด ฐานจิตใจของเราดูว่า ต่อไปนี้เราจะอยู่กับสมมุติสัจจะทั้งปวงด้วยความพอดี ไม่คลั่งไคล้หลงใหลแบบตามกระแส ความทุกข์ในใจของเรา ย่อมจะน้อยลงความสุขของเราจะมีมากขึ้นจากเดิมได้อย่างแท้จริง หรือไม่คำตอบที่เป็นผลลัพธ์มันอยู่ที่ใจของเราเองทั้งสิ้น
เชื่อเหลือเกินว่าบนโลกใบนี้ ถ้าใครเข้าใจความจริงและรู้จักการยอมรับความจริง และอยู่กับความจริงในเรื่องนั้นๆ ในสิ่งนั้นๆ ได้ เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่ทุกข์น้อยที่สุดในการใช้ชีวิตบนดาวโลกดวงนี้