สังคมออฟฟิต สังคมการทำธุรกิจ มากด้วยการแข่งขัน มากด้วยการต่อสู้แบบเร่งรีบ รวดเร็ว ริมฝีปากยิ้ม ผิวหน้าตึงเด้งเพราะเข็มหมอ หล่อสวยด้วยสารโบ และสารฟิล แต่แววตาละม้ายคล้ายเหม่อลอย กระจกตาฝ้ามัว ว้าวุ่น เศร้าลึกๆ เครียดลึกๆ กับทุกสถานการณ์
ความเครียด หรือ โรคเครียด เป็นกันเยอะมากในทุกสังคมวันนี้ เป็นกันแบบชนิดที่เรียกว่า เหนื่อยด้วยเครียดด้วย ปางตาย ถ้าจะถามว่าเหตุใดจึงได้เครียดก็เป็นเพราะความรีบเร่งในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องการทำงานหรือเรื่องการเดินทาง ตลอดทั้งแม้แต่เรื่องของการบริโภคก็รีบเร่งไปหมดทุกอย่าง
ด้วยต้องแข่งขันกับเวลาต้องแข่งขันกับคู่ค้าธุรกิจ ตลอดทั้งต้องแข่งขันกับตัวเอง ดังนั้นการเป็นโรคเครียดสะสมจึงเกิดได้ง่ายกับทุกคนโดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านออฟฟิศ
เราจะสามารถละลายความเครียดได้อย่างไร ตามหลักการเราก็ควรที่จะต้องรู้จักคำว่าปล่อยวางและรู้จักการใช้ความคิดไปในเรื่องที่ควรคิดไม่พยายามคิดอะไรซ้ำๆ วนๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเศร้าหมอง
ในหลักทางวิถีพุทธนั้น ภาวะความเครียดล้วนมีต้นเหตุมาจากความคิดที่ออกมาจากรูปความผิดหวังไม่สมหวัง เพราะเข้าไปยึดถือตั้งมั่นว่าจะต้องได้ผลลัพธ์แบบนั้นแบบนี้
ตลอดทั้งการวางใจในการทำสิ่งต่างๆ ใจไปจดจ่ออยู่ที่ผลลัพธ์มากกว่าภาวะปัจจุบัน ขณะที่กำลังลงมือทำและเมื่อผลลัพธ์ไม่ออกมาตามที่ตนเองมีความหวังหรือตั้งไว้ ก็เกิดภาวะความเครียด
แต่ถ้าเรามีแนวคิดที่ว่า ลงมือทำอยู่กับปัจจุบันขณะเพียงอย่างเดียว ทำให้เต็มที่และสมบูรณ์ผลลัพธ์จะออกมาเช่นไรก็ยอมรับในผลลัพธ์นั้นได้ เมื่อเราวางใจและมีความคิดแบบนี้ความเครียดทั้งหลายก็จะเบาบางลง
ส่วนผู้ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบในแต่ละวันในการทำงานหรือในการใช้ชีวิตก็ควรจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะเช่นเดียวกัน ไม่มุ่งไปข้างหน้ามากเกินไปเพราะจะทำให้เรานั้นบีบเร่งคั้นตัวเองในแต่ละวินาทีและเมื่อทำบ่อยๆ ก็จะทำให้เรานั้นสะสมภาวะลบที่เป็นความเครียดมากยิ่งขึ้น
ถ้าเข้าใจอย่างนี้ลองค่อยๆ นำออกไปปฏิบัติกลับมาอยู่กับภาวะปัจจุบันทุกการเคลื่อนไหวทุกการใช้ชีวิตทุกการทำงาน และเมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นเราก็ยอมรับมัน เมื่อเราทำเต็มที่และสมบูรณ์แล้ว เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีอะไรดีที่สุด มีแต่ว่าดีในเวลานั้น ใช่ในเวลานั้น ถ้าเราวางใจไว้อย่างนี้ความเครียดทั้งหลายก็จะค่อยๆ ลดลง ขอให้พยายามฝึกฝนภายใน 21 วันตามที่แนะนำมาความสุขจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นโดยปริยาย