พระพรหมที่ยังมีลมหายใจ

15 พ.ค. 2567 | 21:30 น.

พระพรหมที่ยังมีลมหายใจ คอลัมน์ทำมาธรรมะ โดย ราชรามัญ

ผมเคยไปเป็นวิทยากรที่โรงเรียนวิถีพุทธปัญญาประทีป ในอำเภอปากช่องจังหวัดนครราชสีมา อยู่ติดกับสำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี พอทราบว่ามีพระเถระรูปสำคัญอย่างท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ ปยุตฺโต)​ และท่านพระอาจารย์ชยสาโร พำนักจำวัดอยู่ ยิ่งทำให้หัวใจพองโตยิ่งนัก

พระอาจารย์ชยสาโร เคยพบท่านครั้งแรกสมัยผมเป็นนักเขียนในนิตยสารโลกทิพย์ ไปกราบท่าน สนทนากับท่านที่วัดป่านานาชาติ เป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง ที่อุบลราชธานี ขณะนั้นท่านเป็นประธานสงฆ์ หรือ เจ้าอาวาส ที่นั่นมีแต่พระภิกษุชาวยุโรป อเมริกา และทั่วโลกจำวัดศึกษาปฏิบัติธรรม จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว...

วันนี้พระอาจารย์ชยสาโร พระป่าสายหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯเป็นพระราชาคณะชั้นรอง ที่พระพรหมพัชรญาณมุนี ก็ต้องเรียกท่านด้วยความเคารพว่า ท่านเจ้าคุณ จึงเหมาะแก่กาลเทศะยิ่ง
 

พระพรหมที่ยังมีลมหายใจ


ท่านเป็นพระที่มุ่งมั่นในการเผยแผ่ธรรม และมีปฏิปทาที่งดงามเพียบพร้อมศีลและธรรม ท่านอธิบาย เรื่องภาวะอารมณ์ของการปฏิบัติธรรม ในแต่ละช่วงแต่ละตอนได้อย่างละเอียดมากกว่าที่ตำราเขียนไว้ เพราะทุกถ้อยคำล้วนมาจากประสบการณ์จริงที่ท่านได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ครั้งหนึ่งเคยกราบเรียนถามท่านว่า มาศึกษาธรรมะ นั่งสมาธิภาวนาแบบนี้ เคยพบเทวดาบ้างไหม ถามครั้งแรกท่านก็ยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบ ถามครั้งที่ 2 ท่านก็นิ่งเฉย พอถามครั้งที่ 3 ท่านก็เลยเบาๆว่า

"เป็นธรรมดาของนักปฏิบัติ"

การถาม เป็นการที่ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเทวดาจะมาหาแต่พระไทยหรือไม่ ปรากฏว่า จากคำตอบของท่านก็ทำให้อนุมานทราบได้ว่า เทวดานั้น มิได้เลือก ว่าเป็นพระไทยหรือพระต่างประเทศ ถ้ามีปฏิปทางดงามยิ่ง ก็จะเกิดความเคารพศรัทธาคอยดูแลปกป้อง ให้รอดปลอดภัย ในการดำรงสมณะเพศ

อีกสิ่งหนึ่งที่ บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน คือท่านเป็นพระที่มากด้วยความเมตตา ความกรุณาเต็มหัวใจ ท่านมองโลกมองบุคคลทั้งหลาย ด้วยพึงอาศัยหลักแห่งธรรมในเชิงกุศล หรือพูดง่ายๆ ว่าท่านเป็นคนที่มีแนวคิด ทัศนคติไปในเชิงบวก โดยมีหลักธรรมสอดแทรกในการพิจารณาอยู่ตลอดเวลา

แม้ว่าท่านจะได้รับการแต่งตั้งมีสมณศักดิ์ แต่ปฏิปทาในการปฏิบัติตามแนวทางวัดป่าของท่านนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยน เคยฟังท่านอธิบายอารมณ์ภาวนาสมาธิ เรื่องฌาน 4 นี่ฟังเป็นของง่ายไปเลยแต่ความจริงต้องใช้ขันติบารมีในการปฏิบัติมากพอควร 
 


แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสกับตนเอง เมื่อคราวพบท่านที่วัดป่านานาชาติครั้งนั้น นั่งใกล้ๆ ท่านแล้วสามารถสัมผัสกระแสไอเย็นปีติพัดผ่านทุกซอกของหัวใจได้อย่างชนิดที่มีน้ำตาซึมขณะได้ฟังธรรมร่วมกับญาติธรรมคนอื่นๆ 

พอท่านนำภาวนาไปสัก 40 นาที เมื่อถึงเวลาพัก ครั้นพอท่านลืมตาขึ้น แววตาของท่านใสเป็นประกายดุจเพชรมีน้ำนัยตาเออใส คล้ายพระอริยสงฆ์เพิ่งออกจากสมาบัติธรรม  

จำได้ติดตากับภาพ... หลังท่านฉันกังหันแล้ว (ฉันข้าวมื้อเดียว) เป็นการฉันรวมในบาตร คือ เดินตักอาหารที่ญาติธรรมถวายตักใส่บาตร ทั้งคาวแลหวานและผลไม้รวมกันในบาตร เมื่อฉันแล้วล้างบาตรเอง เก็บผ้าปูอาสนะเอง มีผ้าขาวมาช่วยบางครั้ง

ผ้าขาว คือ ผู้ถือศีลแปดเป็นชาวต่างชาติ ก่อนจะบวชธรรมเนียมพระสายหลวงพ่อชาจะให้เป็นผ้าขาวก่อนเพื่อดูจริตนิสัย และฝึกฝนอบรมอุปนิสัยแห่งนักบวชก่อน ก่อนที่จะบวชให้
 


วันนี้ท่านเป็นพระราชาคณะที่รองสมเด็จ ราชทินนามว่า พระพรหมพัชรญาณมุนี ท่านเป็นดุจพระพรหมที่มีลมหายใจอันอุดมด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ตามคำสอนแห่งพรหมวิหารสี่ ขององค์พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นหน่อเนื้อแห่งโพธิธรรม ที่เกิดในแผ่นดินที่เจริญด้วยวัตถุ วิทยาศาสตร์ ในสหราชอาณาจักร แต่ทว่าจิตวิญญาณมุ่งมั่นในด้านพุทธธรรม นับได้ว่า วาสนาบารมีธรรมของท่านแต่เก่าก่อนย่อมพอดีพอธรรมอย่างสุดที่จะหาคำใดเทียบเคียงได้

ใครมีโอกาสได้กราบสักการะท่าน มักจะได้รับธรรมะสมควรแก่ตนเสมอ เพราะท่านมักซ่อนกายหลีกเร้นศึกษาปฏิบัติธรรม พระดีพระแท้แบบนี้นับวันจะหายากครับ