สถานการณ์ “พรรคพลังประชารัฐ” หรือพปชร. ในยามนี้ บ่งบอกได้ว่า “แตก” เป็น 2 เสี่ยงใหญ่
ภายหลัง “บิ๊กตู่-พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้นำรัฐบาล ซึ่งเป็น “นายกฯ” ที่มาจากการเสนอชื่อของพรรค พปชร.ได้สั่ง “ปลดกลางอากาศ” กล่องดวงใจ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. ทั้ง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิกพรรค ออกจาก รมต. พร้อมกันทั้งคู่
แม้ภาพภายนอก “บิ๊กตู่” จะบอกไม่มีปัญหาอะไรกับ “บิ๊กป้อม” ทำนองว่า “ต่างคนต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นในการทำงาน ไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจกัน”
ตัดภาพไปดูการประชุมส.ส. พรรคพปชร. เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ที่รัฐสภา ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ได้ควง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเข้าร่วมประชุมขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค รวมถึงแกนนำของพรรคก็เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับรัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรคให้ลงพื้นที่เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งในปีหน้า หากมีการยุบสภาก่อนครบวาระในเดือนมีนาคม 2566
พล.อ.ประวิตร ได้แจ้งต่อที่ประชุม ส.ส.จะไม่มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค และยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้านายรัก (บิ๊กป้อม) อนุญาตให้ทํางานต่อ ก็จะไม่ออกไปตั้งพรรคใหม่ ถ้าท่านประวิตรอยู่ ผมก็ยินดีที่จะอยู่ต่อ ผมเกิดจากพรรคนี้ ก็พร้อมจะอยู่ตรงนี้ ถ้าจะจบชีวิตการเมืองก็ขอให้จบที่ พปชร. ยึดที่นี่เป็นที่พึ่งพิง ขอให้ พปชร.เป็น บ้านสุดท้ายของผม”
ภาพการประชุม พปชร.ที่ออกมา บ่งบอกว่า
1. ขุนพลข้างกาย “บิ๊กป้อม” ยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ วิรัช รัตนเศรษฐ
2. ที่เพิ่มเข้ามาคือ ขุนพลคนสำคัญ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคที่เป็น “น้องรัก” สนิทสนมกันมาแต่เก่าก่อน เชื่อมือ เชื่อใจ เคยส่งไปนั่งเป็นประธานราชตฤณมัยสมาคมในยุค คสช.เพื่อล้างอิทธิพล “เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์” มาแล้ว
3. ส.ส.ในพรรคยังเชื่อมั่นศรัทธา “บิ๊กป้อม” ตลอดการประชุมมีเสียงปรบมือเป็นระยะ เพราะ“บิ๊กป้อม” บารมีสูง ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ แต่พระคุณจะมากกว่าและ ดูแล ส.ส.ทุกคน ทุกกลุ่ม ไม่ขาดตกบกพร่อง
4. เมื่อ “บิ๊กป้อม” ยังเป็นหัวหน้าพรรค ขุนพลหลักๆ ยังอยู่ครบ แถมเพิ่มขุนพลหน้าใหม่จากนอกพรรคเข้ามาเสริมทีม
คำถามคือ 2 ป. “ป.ประยุทธ์-ป.ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ที่เหลือจะเข้ามาวางโครงสร้าง จัดระเบียบ ส.ส.ได้อย่างไร
“คำถาม” ที่คาใจหลายฝ่ายก็คือ งานนี้ “บิ๊กป้อม” ดูแลพรรคต่อ เพื่อให้น้องรัก “ 2 ป.” สานภารกิจในครม.ให้ประสบความสำเร็จ หรือเป็นการ “ตั้งป้อม” สู่ “2 ป.” ขวางไม่ให้เข้ามาแตะศูนย์กลางอำนาจในพรรค พปชร.กันแน่
“คำตอบ” ของคำถามนี้มี 2 ซีนาริโอ คือ
1. “บิ๊กป้อม” สยบความเคลื่อนไหวในพรรค เพื่อให้ “บิ๊กตู่”ทำงานต่อไปได้อย่างราบรื่น
เหตุผลที่นำมาสนับสนุนคำตอบนี้ คือ การตั้ง พล.อ.วิชญ์ เข้าเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ทั้งๆที่เคยออกปากจะยกให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ภายในพรรคมองเกมนี้กันว่า “บิ๊กป้อม”กำลังเตรียมยกตำแหน่งเลขาธิการพรรคให้ สมศักดิ์ หรือ แกนนำกลุ่มสามมิตร เพราะมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงสุด ทั้งยังมี ส.ส.ในมือมากที่สุด
ส่วน สันติ พร้อมพัฒน์ อดีตสมาชิกกลุ่ม “4 ช.” ที่หมายปองเก้าอี้ตัวนี้เหมือนกัน อาจจะต้องรอไปก่อน เพื่อรักษานํ้าใจ “ธรรมนัส” เอาไว้ (การเลือกประชุมนอกพรรค คือใช้ที่ประชุมอาคารรัฐสภา ก็นินทากันว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้ เนื่องจากอาคารที่ทำการพรรคพลังประชารัฐปัจจุบันเป็นอาคารของนายสันติ ซึ่งผู้กองธรรมนัสประกาศไม่ไปเหยียบ)
ถ้าแนวโน้มสถานการณ์เป็นแบบนี้จริง ก็หมายความว่า “3 ป.” ไม่ได้แตกกัน และกำลังผสานรอยร้าวเพื่อรักษาพรรคพลังประชารัฐ ให้สามารถเดินหน้าทางการเมืองไปได้ และสู้ศึกเลือกตั้งใหม่ให้ “น้องตู่” กลับมาเป็นนายกฯ อีก 1 สมัย
ส่วนซีนาริโอที่ 2 คือ “บิ๊กป้อม” กำลัง “ตั้งป้อม” รักษาฐานอำนาจของตัวเอง และพร้อมชน“2 ป.”
เหตุผลง่ายๆ คือ ร.อ.ธรรมนัส กับ นางนฤมล ถูกปลดจาก รมต. (โดยไม่ขอให้ลาออกเองแบบไว้หน้า) ด้วยข้อหารวมเสียง ส.ส.ล้มนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่สุดในทางการเมือง หากนายกฯ ถูกโหวตควํ่าในสภา จะเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่ต้องออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเกือบ 90 ปี
แต่ทำไม่ “พี่ป้อม” ไม่เต้นตาม “น้องตู่” นั่นคือ ไม่ปลดทั้งคู่ออกจากตำแหน่งในพรรคด้วย เพื่อให้ “น้องตู่” สบายใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ของ “น้องตู่” กับ “พี่ป้อม” ยังดีจริงหรือไม่?
อีกหนึ่งตรรกะคือ ร.อ.ธรรมนัส เหมือนตายทางการเมือง เพราะถูกปลดฟ้าผ่า แต่กลับยังอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค และ “บิ๊กป้อม” ก็กางปีกปกป้องประเด็นคือ ถ้า “บิ๊กป้อม” สนับสนุน “บิ๊กตู่” ต่อไป เป็นนายกฯ อีกสมัย แล้วเมื่อไหร่ ร.อ.ธรรมนัส จึงจะได้เกิดทางการเมือง กลับมาเป็น รมต.ได้อีกรอบ
สรุปก็คือ ถ้า “บิ๊กตู่” ยังอยู่ “ธรรมนัส” ก็เหมือนตาย แล้ว ร.อ.ธรรมนัส จะเลือกเก็บนายกฯ ไว้บูชา หรือสอยนายกฯ ลงมา เพื่อสางแค้น
ประเด็นสำคัญคือ ขุนพล ที่คุมเสียงส.ส.ในพรรค ตอนนี้อยู่กับ “บิ๊กป้อม” ทั้งหมด ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส, กลุ่มสามมิตร และ กลุ่มวิรัช ซึ่งเป็นประธานวิปรัฐบาล นั่นแสดงว่า “บิ๊กตู่” กำลังจะเป็น “นายกฯขาลอย” ไม่มี ส.ส.โอบอุ้มรองรับใช่หรือไม่? แล้วแบบนี้ใครคือผู้มีอิทธิพลตัวจริงในรัฐบาล ใครที่จะสั่งอีกฝ่ายซ้ายหันขวาหันได้ระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ “บิ๊กตู่”
คนที่วิเคราะห์ว่า “บิ๊กตู่ขาลอย” ได้ชัดที่สุด คือ โทนี่-ทักษิณชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พูดในคลับเฮาส์ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564
“หัวหน้าพรรค ธรรมนัสก็ไม่ลาออกจากเลขาฯ วันนี้พรรคที่เป็นแกนสนับสนุนรัฐบาลจริงๆ คือ พปชร. นายกฯ ตัดขาตัวเองตีนลอยที่ไปทุบแบบนี้ การเมืองต่อจากนี้ ราคาแพงนะ เพราะต้องเก็บทุกเม็ด ไม่งั้นแพ้โหวต” ทักษิณ ระบุ
ความแตกแยกใน “พปชร.” เกิดขึ้นชัดเจนแล้ว รอเวลาเพียงว่าจะไปคนละทิศ ละทาง เมื่อไหร่เท่านั้นเอง