น้ำหลากมาแล้ว

21 ส.ค. 2565 | 21:30 น.

คอลัมน์เมียงมอง เมียนมา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

มีอยู่วันหนึ่งเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมตื่นเช้าขึ้นมาภรรยาก็ถามผมว่า ได้โทรศัพท์ไปแม่สายหรือยัง? ผมจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่แม่สายเหรอ? เธอตอบว่า เมื่อคืนเห็นข่าวในไลน์แพร่สะพัดมาว่า ที่เมืองท่าขี้เหล็ก ฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สาย เกิดน้ำท่วมหนัก ด้านฝั่งประเทศไทยที่อำเภอแม่สาย แถบถนนสายลมจอย ที่ติดกับแม่น้ำสาย เห็นว่าน้ำท่วมอย่างรุนแรง ผมจึงรีบกุลีกุจอโทรศัพพ์ไปสอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แถบนั้นว่า เป็นอย่างไรบ้าง? ก็ทราบว่ามีบางรายที่รอด บางรายก็ไม่รอด เพราะว่าปีนี้น้ำฝนตกลงมาเยอะมาก ทำให้แม่น้ำหลักที่อยู่ฝั่งรัฐฉานประเทศเมียนมา ล้นทะลักท่วมท้นตลิ่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างพอสมควรเลยทีเดียว
 

ต้องบอกว่าที่ประเทศเมียนมา เสมือนผีซ้ำด้ามพลอยจริงๆ สอง-สามปีมานี้ ถูกกระหน่ำซ้ำเติมมาทุกทิศทุกทางจริงๆ เลยครับ  แม้ว่าทุกปีผมจะได้ยินเรื่องราวน้ำท่วมในประเทศเมียนมามาตลอด แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงพี่น้องชาวเมียนมาไม่ได้ครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผมใช้ชีวิตทำมาหากินที่นั่นมานาน
 

โดยปกติของทุกปีในช่วงฤดูฝน ฝนที่นั่นจะตกชุกกว่าที่ประเทศไทยเรามาก เนื่องจากป่าไม้ของประเทศเมียนมา ยังไม่ถูกทำลายราบพนาสูญเหมือนกับที่บ้านเรา ที่นั่นป่าไม้ยังคงอุดมสมบูรณ์มาก ถ้าป่าส่วนไหนความเจริญเข้าไปไม่ถึง แต่ก็จะมีกองกำลังของชนชาติพันธุ์อาศัยอยู่เยอะ ทางการเมียนมาเข้าไปไม่ค่อยถึง การสู้รบจึงบังเกิดตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาสองปีกว่า ตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นต้นมา
 

ยิ่งหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยิ่งมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในประเทศนี้ ทางราชการยิ่งไม่ต้องเข้าไปกล้ำกรายเลย ดังนั้นอย่าว่าแต่ทางราชการเลยครับ ประชาชนคนธรรมดาก็ยังเข้าไปยาก การที่พ่อค้าไม้จะเข้าไปบุกป่าฝ่าดง ไปตัดไม้ออกมาขาย จึงยากเป็นธรรมดาครับ 

 

ในส่วนของแม่น้ำสายหลักสองสาย คือแม่น้ำอิรวดีที่ไหลผ่านทางทิศตะวันตก กับแม่น้ำสาละวินที่ไหลผ่านทางทิศตะวันออก และแม่น้ำสายเล็กสายน้อยอีกหลายสาย ที่ไหลลงสู่แม่น้ำสายหลักทั้งสองสาย กับที่ไหลลงสู่ทะเลอีกหลายสาย ก็ไม่สามารถเข้าไปดูแลกันได้ จึงทำให้ไม่สามารถเข้าไปขุดลอกคูคลองได้เลย การตื้นเขินของแม่น้ำ จึงไม่มีใครเข้าไปดูแล แม้ในสถานการณ์ปกติ ก็ไม่ค่อยจะมีใครดูแลทั่วถึงอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ ยิ่งไม่ต้องไปคาดหวังเลยครับ ฝนตกชุกๆสักสาม-สี่วัน ก็เป็นอันต้องเอวังเลยละครับ 
 

ในส่วนของเมืองใหญ่ๆ ทางแถบหัวเมือง ผมก็มีโทรศัพท์ไปสอบถามกับลูกค้าที่สนิทๆ บางท่าน ก็ได้รับคำตอบที่ใกล้เคียงกันว่า สถานการณ์น้ำท่วม ไม่ค่อยปกตินัก ปีนี้รุนแรงกว่าทุกปีเช่นกัน ที่มัณฑะเลย์ซึ่งเป็นเมืองแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์น้ำหลากเหมือนเช่นทุกปีเลย เพราะที่นี่มีแม่น้ำอิรวดีไหลผ่าน จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวบ้านที่นั่น เรียกว่าน้ำท่วมซ้ำซากเลยละแหละครับ

 

ส่วนที่กรุงย่างกุ้ง อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ถูกกระหน่ำด้วยฝนตกติดต่อกันสาม-สี่วัน ปรากฎว่าเปิดหัวด้วยน้ำที่ท่วมสูงเสียแล้ว ที่กรุงย่างกุ้งทุกปีจะไม่ค่อยได้เห็นน้ำท่วมขนาดนี้ เพราะที่นี่จะมีแม่น้ำสองสายไหลผ่านกลางเมือง เวลาฝนตกหนักๆ ทีไร มักจะเกิดน้ำรอระบายท่วมแถบเขตบะฮาน เขตโบดะถ่อง และแถบปลายๆ ไชน่าทาวน์ทุกครั้งไป แต่อย่างมากก็ท่วมประมาณสาม-สี่ชั่วโมงน้ำก็จะลด เพราะไหลลงแม่น้ำย่างกุ้งกับแม่น้ำพะโคแล้วไหลลงทะเลเสมอครับ แต่เท่าที่ทราบข่าวมาว่า ปีนี้น้ำจะไม่ค่อยจะยอมไหลลงทะเล ยังอยากจะเอ่อระเหยลอยชายอยู่ในกรุงย่างกุ้งต่อ ทำให้เห็นคนรุ่นใหม่ถ่ายคลิปส่งลงใน Facebook กันเยอะเลยครับ
 

น้ำท่วมที่กรุงย่างกุ้งปีนี้จึงหนักกว่าที่ผ่านๆมาทุกปี แต่ที่น่าตลกคือ พอน้ำท่วมก็เริ่มมีเสียงบ่นมาว่า เป็นเพราะรัฐบาลทหารไม่ยอมลอกท่อระบายน้ำ ทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน น้ำเลยไม่ยอมระบาย ซึ่งผมเองคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับว่า กรุงย่างกุ้งเป็นเมืองที่อยู่ในที่ลุ่ม ท่อระบายน้ำที่นี่ยังคงเป็นท่อระบายน้ำแบบดั่งเดิม ที่ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเมืองหลวงประเทศอื่นๆ ที่นี่ชาวเมืองเองก็ไม่ค่อยจะมีวินัยกัน เป็นที่น่าแปลกใจที่ชาวบ้านเวลากวาดบ้าน มักจะกวาดขยะออกมานอกบ้าน แล้วปัดลงท่อระบายน้ำกัน
 

สมัยก่อนผมเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ ตลาดค้าส่งแมงกะล่าเซ ด้านหลังบ้านผมอย่าได้เปิดประตูชะเง้อออกไปดูโดยเด็ดขาด เพราะจะเจอกองขยะที่เพื่อนบ้านที่มีหน้าต่างหันมาทางบ้านเรา ได้โยนขยะสิ่งของที่ไม่ต้องการทิ้งออกมาเป็นกองพะเนินเลยครับ ดังนั้นหากฝนตกทีไร เป็นอันไม่อยากจะออกจากบ้านไปลุยฝนเลยครับ แม้ว่าสมัยที่ผมเป็นเด็กๆ อาศัยอยู่ที่โคราช  ถ้าน้ำท่วมหรือน้ำหลากทีไร ผมจะชอบหนีแม่ออกนอกบ้าน ไปเล่นน้ำที่ท่วมเอ่อนอง เป็นที่สนุกสนานเลยครับ แต่ที่กรุงย่างกุ้ง ถ้าขืนเด็กๆ ออกไปลุยเหมือนสมัยผมเป็นเด็ก มีหวังเป็นผื่นเต็มตัวแน่ๆ เลยครับ