ด่วน ครม.เคาะแพ็กเกจ EV ครอบคลุมภาษี-ให้เงินอุดหนุน

15 ก.พ. 2565 | 09:19 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ก.พ. 2565 | 00:26 น.

ที่ประชุมครม. เห็นชอบแพ็กเกจ EV สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ครอบคลุมทั้งการลดอากรขาเข้า ลดภาษีสรรพสามิต และการให้เงินอุดหนุน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ แพ็กเกจรถยนต์อีวี EV ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ ตามมติของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยรัฐบาลกำหนดตามเป้าหมายในการผลิตรถอีวีให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยภายในปี 2573 

 

แหล่งข่าว ระบุว่า เบื้องต้นตามแพ็กเกจที่จะออกมา มีทั้งการลดอากรขาเข้า ลดภาษีสรรพสามิต และให้เงินอุดหนุน โดยมีข้อผูกผันในการผลิต และการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ ตามมติของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ที่ได้เห็นชอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับแนวทางการส่งเสริมตามแพ็กเกจ EV เบื้องต้นตามมติของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครอบคุมทั้ง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถกระบะ โดยมีเงินอุดหนุน เริ่มตั้งแต่ 70,000 - 150,000 บา

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ต่อมาเมื่อเวลา 15.15 น. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียด ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติ รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ 

 

ทั้งนี้ได้ส่งเสริมให้เกิดการผลิตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ของยานยนต์ทุกประเภท เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ ทั้งในส่วนของมาตรการทางภาษี และไม่ใช่ภาษีโดยเป็นมาตรการระยะสั้น ระหว่างปี 65 – 68 

โดยในช่วง 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว  ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์/รถยนต์กระบะ/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD)  

 

ผ่านการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้  เพื่อเพิ่มอุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม สร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของผู้ประกอบการในไทย 

 

ส่วนช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 - 68) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก โดยยกเลิกการยกเว้น/ลดอากรนำเข้า รถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้ เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป  เพื่อทำให้ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้าสูงกว่ารถยนต์/ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ  

 

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ  รองรับแนวโน้มความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 

 

นอกจากนี้  ยังได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการผลิต รถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อาทิ  การยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับ ชิ้นส่วนที่มีการนำเข้าในช่วงปี 65 – 68  การให้นับมูลค่าของเซลล์แบตเตอรี่ที่นำเข้าเป็นต้นทุนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศสำหรับการคำนวณมูลค่าเพิ่มในประเทศ ได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของราคายานยนต์ไฟฟ้าหน้าโรงงาน 

 

การผลิตรถยนต์/ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศเพื่อชดเชยการนำเข้าในช่วงแรก (กรณีผลิตชดเชย ภายในปี 67 ให้ผลิตเท่ากับจำนวนที่นำเข้าในปี 65 - 66 และหากจำเป็นต้องขยายเวลา การผลิตชดเชยถึงปี 68 และ การผลิตหรือใช้ แบตเตอรี่ที่ผลิตหรือประกอบในประเทศตามเงื่อนไขที่กำหนด