ตลาดข้าวถุงแข่งเดือด หลังโรงสีและผู้ส่งออกหันมาทำตลาดในประเทศ เล่นสงครามโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ข้าวไก่แจ้ เดินหน้าสร้างความคุ้มค่า พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ คาดสิ้นปียอดขายทะลุ 2,000 ล้าน พร้อมนำขนมแบรนด์แม่นภา ตีตลาดหวังปีหน้าโกยยอดขาย 100 ล้าน
[caption id="attachment_103967" align="aligncenter" width="335"]
ธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีอาร์ไทย ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ไก่แจ้[/caption]
นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีอาร์ไทย ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงแบรนด์ไก่แจ้ และขนมแบรนด์แม่นภา เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงภาพรวมตลาดข้าวสารบรรจุถุงในช่วงที่ผ่านมาว่า ภาวะตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากมีสินค้าแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากผู้ประกอบการโรงสีข้าว ที่เดิมเคยเข้าโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาลแต่ต้องยุติลง และกลุ่มผู้ส่งออกที่มีปริมาณการส่งออกที่ลดลง เนื่องจากภาวะการส่งออกข้าวที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเป็นปกติ ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน และเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ผู้ประกอบการต่างๆ จึงเน้นการจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด
"ปัจจุบันสินค้าที่จะอยู่ได้จะต้องเน้นความคุ้มค่า และมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่รูปแบบการทำตลาดก็เน้นการทำโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ส่วนข้าวไก่แจ้มีการทำโปรโมชั่นราคาบ้างเป็นครั้งคราว แต่จะไม่เน้นขายสินค้าราคาถูก จะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์มากกว่า โดยเน้นการขายสินค้าที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพ สำหรับตลาดข้าวบรรจุถุงช่วง 9 เดือนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยังอยู่ในภาวะทรงตัวในเชิงมูลค่า เนื่องจากคนประหยัดค่าใช้จ่าย และภาวะการแข่งขัน แต่เชิงปริมาณตลาดเติบโต 5% ซึ่งทิศทางของบริษัทเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับภาวะตลาด"
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ กลุ่มข้าวสารบรรจุถุงน่าจะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายภายในประเทศ 90% และตลาดส่งออกไปต่างประเทศอีก 10% ซึ่งตลาดภายในประเทศนอกจากการสร้างแบรนด์และการทำตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังออกสินค้าใหม่มาทำตลาดเพิ่มในปีนี้อีก 3 รายการ ทั้งกลุ่มข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ ซึ่งเน้นจับตลาดล่างเพื่อให้สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย มีจำหน่ายตั้งแต่ขนาด 500 กรัมถึง 49 กิโลกรัม กระจายในทุกช่องทางทั้งเทรดดิชั่นนัลเทรดและโมเดิร์นเทรด จากปัจจุบันที่มีสินค้าอยู่กว่า 300 รายการ และการกระจายสินค้าค่อนข้างครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งช่องทางโมเดิร์นเทรดมีเพียงห้างแม็คโครที่บริษัทยังไม่มีสินค้าจัดจำหน่าย
ด้านการส่งออกปัจจุบันส่งสินค้าออกไปทำตลาดแล้วกว่า 20 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย จีน อิสราเอล และกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งนโยบายบริษัทพยายามขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มประเทศเดิมและประเทศใหม่ เพื่อผลักดันเป้าหมายสัดส่วนยอดขายในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ภายในปีหน้า ซึ่งแนวทางการทำตลาดได้เข้าไปร่วมกับพันธมิตรหรือตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศทำการตลาดร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการขาย การโฆษณา ผ่านสื่อออนไลน์ และการออกงานแสดงสินค้าต่างๆ ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกจะเป็นข้าวหอมมะลิเป็นหลักในสัดส่วน 80%
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย นายธีรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่มีสินค้าใหม่ออกมาทำตลาด แต่จะเน้นการสร้างแบรนด์และทำตลาดเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ ในช่องทางออนไลน์ ทีวี และการโฆษณา การจัดกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และการเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เพื่อสร้างความรู้จักและเป็นแบ่งปันประสบการณ์ทางการทำตลาด ซึ่งในเดือนหน้าบริษัทเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าในโรงงานแห่งใหม่ที่ได้ขยายการลงทุนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว 200 ล้านบาท โดยกำลังการผลิตข้าวสารบรรจุถุงจะเพิ่มขึ้นอีก 4 เท่าตัวจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตเดือนละกว่า 1 หมื่นตัน ทำให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
นายธีรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนขนมแบรนด์แม่นภา ถือว่าตลาดให้การตอบรับที่ดีโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่บริษัทส่งข้าวสารบรรจุออกไปจำหน่าย โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 200-300% ซึ่งมีตลาดที่สำคัญ อาทิ ประเทศจีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในยุโรป ในปีนี้บริษัทยังได้เพิ่มรายการสินค้าใหม่ออกมาทำตลาดในกลุ่มสแน็กอีก 3 รายการ จากที่จำหน่ายก่อนหน้านี้แล้ว 3 รายการ ส่วนข้าวต้มมัดได้เพิ่มรายการสินค้าใหม่อีก 6 รายการ อาทิ ไส้มะม่วง ทุเรียน ลำไย เผือก และถั่ว ขณะเดียวกันเพิ่มสินค้าในรูปแบบแช่แข็งอีก 3 รายการ
"จากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทคาดว่าปีหน้าจะทำยอดขายขนมได้ถึง 100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายในประเทศและต่างประเทศเท่าๆ กัน ซึ่งบริษัทได้เน้นการทำตลาดและขยายตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตจะลงทุนอีก 10 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตขนมด้วย"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,198 วันที่ 6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559