กระแสบิงซูแรงเว่อร์ “เมส ทองหล่อ” ขอเอี่ยวผนึกทุนเกาหลีส่งแบรนด์ “ซอบิง” เอาใจสาวกไทย ด้าน“ม๊อกกิ้ง เทลส์” ฉีกสไตล์ผุดร้านขนมหวานแฟนซีแนวเทพนิยายสุดเก๋
นางสาวกวิสรา คะกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์โครงการเมส ทองหล่อ บริษัท แฮปปี้บิลเลียน จำกัด เจ้าของโครงการคอมมิวนิตีมอลล์ “เมส ทองหล่อ”เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่านโยบายของบริษัทมุ่งนำเสนอแม็กเนตใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการในศูนย์ โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับผู้ประกอบการเกาหลี เปิดตัวร้านบิงซูหรือนํ้าแข็งใสสไตล์เกาหลีในชื่อ “ซอบิง” เข้ามาให้บริการกับผู้ที่ชื่นชอบร้านขนมหวานสไตล์อินเทรนด์
ทั้งนี้ร้านซอบิง ซึ่งถือเป็นร้านบิงซูหรือนํ้าแข็งใสสไตล์เกาหลีที่เข้ามาเปิดให้บริการภายในศูนย์เป็นสาขาแรกเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่เป็นผลไม้สดเข้ามาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำท็อปปิ้ง และจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูของหวานต่างๆตามฤดูกาลควบคู่กับการจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย
“เรามั่นใจว่าการนำร้านซอบิงเข้ามาทำในประเทศไทยจะสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรืออาจจะมีศักยภาพในการเติบโตได้ดีมากเนื่องจากในไทยมีอากาศร้อนเกือบตลอดทั้งปีซึ่งถือว่าเหมาะสมกับการขายบิงซูมากกว่าเกาหลีที่มีช่วงอากาศร้อนเพียง 3 เดือนเท่านั้น”
อย่างไรก็ตามในช่วงแรกถือเป็นช่วงของการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เพื่อให้เป็นที่รู้จัก อีกทั้งสามารถแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นในตลาดได้ ก่อนจะวางเป้าหมายขยายสาขาในอนาคตต่อไป ซึ่งทำเลอาจจะมีความเป็นไปได้ทั้งการขยายควบคู่กับโครงการอื่นๆ ของบริษัท และในย่านศูนย์การค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
ด้านนายกฤษฎา อัศวพรสกุล หุ้นส่วนและผู้จัดการร้านม๊อกกิ้ง เทลส์ บริษัท ม๊อกกิ้งเทลส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านขนมหวาน “ม๊อกกิ้ง เทลส์” กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มความนิยมรับประทานขนมหวานของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้นขณะเดียวกันก็ต้องการความมีเอกลักษณ์แปลกใหม่ ส่งผลให้บริษัทได้เปิดร้านม๊อกกิ้ง เทลส์ ขึ้นมาโดยมีเอกลักษณ์เด่นของร้านอยู่ที่ความเป็นร้านขนมหวานสไตล์แฟรีเทลหรือแนวเทพนิยาย หรือคอนเซ็ปต์ ร้านจะเป็นแบบ Day life& Night time กลางวันคือเสิร์ฟเบเกอรี่ กาแฟ นํ้าปั่น พอตกกลางคืนจะมีค็อกเทลบาร์ให้บริการ ซึ่งแต่ละเมนูจะมีการดึงจุดเดน่ ของเทพนิยายแตล่ ะเรื่องออกมาสื่อสารเป็นเมนู อาทิ SnowWhite, Harry Potter, Pirates ofthe Caribbean ลูกเล่นแต่ละเมนูแตกต่างออกไปเปลี่ยนตามแต่ละ Chapter
ขณะที่การทำตลาดนับจากนี้บริษัทจะเน้นการหมุนเวียนเมนูตามฤดูกาล การสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางออนไลน์ ควบคู่กับการจัดป๊อป อัพ สโตร์ ในย่านศูนย์การค้าอาทิ เทอร์มินอล 21 เป็นต้น
“มองว่าร้านขนมแต่ละแบบถือเป็นร้านที่ค่อนข้างฉาบฉวยอยู่แล้วกล่าวคือหมุนไปตามเทรนด์ เมื่อมีร้านใหม่กว่าเข้ามาลูกค้าก็ค่อนข้างสนใจสิ่งใหม่มากกว่า ดังนั้นโจทย์ของเรานับจากนี้คือทำอย่างไรให้สามารถดึงลูกค้าเก่ากลับมาได้ ซึ่งผลที่ออกมาก็คือการแบ่งช่วงเวลาหรือที่เราเรียกว่าแชพเตอร์ (Chapter)หรือ 4 เดือนต่อ 1 แชพเตอร์ที่แตกต่างออกไปแต่ละตอนในการทำตลาด”
โดยบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกๆปี โดยในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทเพิ่งมีการเปิดตัวซึ่งแผนงานต่อจากนี้คือการขยายสาขาใหม่ๆ ถ้ามีโอกาส ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาโลเกชันในย่านที่มีศักยภาพทางการเติบโต เบื้องต้นปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเสียก่อน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,252 วันที่ 13 - 15 เมษายน พ.ศ. 2560