อโรม่า กรุ๊ป จัด 2 โครงการเพิ่มสีสันการแข่งขันคัดเลือกนักชงกาแฟหน้าใหม่ เตรียมคัดตัวส่งเข้าร่วมคัดเลือกที่อิตาลี
นายกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือ อโรม่า กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการใหม่ 2 โครงการ ที่มาเพิ่มสีสันให้การแข่งขัน ได้แก่ Thailand Indy Barista Championship ครั้งที่ 9 (TIBC 9) การค้นหาบาริสต้าชั้นแนวหน้า เวทีสำหรับนักชงกาแฟหน้าใหม่ ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และการแข่งขัน Espresso Italiano Champion 2017 : Thailand เฟ้นหาสุดยอดนักชงกาแฟผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยได้รับการสนับสนุนจากหอการค้าไทย-อิตาเลียนร่วมจับมือสนับสนุน เพื่อส่งตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อรอบ Final ที่ การแข่งขัน Espresso Italiano Champion 2017 ณ งาน Host Milano เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ในเดือนตุลาคมนี้
โดยในปีนี้ทางอโรม่า กรุ๊ป วางแผนต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว โครงการแรก คือ โครงการ Barista Blend ซึ่งเป็นการต่อยอดผู้ชนะจากการแข่งขันทั้งสองเวทีเมื่อปีที่แล้ว มาร่วมสร้างสรรค์และออกแบบโปรไฟล์การคั่วเมล็ดกาแฟ รวมไปถึงออกแบบบรรจุภัณฑ์ในสไตล์ของตัวเอง เพื่อวางจำหน่ายทั่วประเทศ และยังได้ส่งผลงานของทั้งคู่ เพื่อเข้าประกวดในงาน International Coffee Tasting 2017 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน และอีกหนึ่งโครงการ คือ อโรม่า กรุ๊ป มุ่งสร้างเครือข่ายบาริสต้าในประเทศไทยให้เกิดการรวมตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Barista Community Network” โดยตั้งใจให้การแข่งขัน The Maestro Barista Challenge 2017 เป็นศูนย์รวม บาริสต้าที่สนใจในการแข่งขันหรือเคยมาแข่งแล้วในปีที่ผ่านๆมา ได้มีพื้นที่พบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะกัน เพื่อยกระดับและร่วมกันทำประโยชน์ให้กับวงการกาแฟไทยต่อไป”
“ในส่วนของการแข่งขัน Thailand Indy Barista Championship ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 แล้วได้ผลตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มีผู้สมัครมากขึ้นทุกปี สำหรับการแข่งขัน Espresso Italiano Champion ปีที่แล้วจัดเป็นปีแรก ครั้งแรกในไทยอีกด้วย ผลตอบรับอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเป็นเวทีระดับโลกที่รู้จักแพร่หลายอยู่แล้ว ซึ่งในปีที่ผ่านมา แชมป์ของเวทีนี้มาจากประเทศเกาหลีใต้ซึ่งอยู่ในทวีปเอเชีย ดังนั้นทำให้บาริสต้าไทยมีโอกาสได้ไปแสดงฝีมือต่อในรอบชิงชนะเลิศที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี”
ส่วนสถานการณ์ของธุรกิจกาแฟไทย ขณะนี้กำลังคึกคัก มีการแข่งขันค่อนข้างสูงมาก ปัจจุบันมีร้านกาแฟเปิด ขึ้นทุกวัน ทำให้หลายร้านต้องพัฒนาสินค้าและกลยุทธ์ทางการตลาดควบคู่กันไป ในขณะที่มีการแข่งขันสูง แต่บาริสต้าไทยยังขาดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน การที่มี “Barista Community Network” จะช่วยยกระดับให้วงการกาแฟไทยเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มศักยภาพ บาริสต้าชาวไทยให้ได้มาตรฐานสามารถแข่งกับต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ
นายกิจจา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ได้วางแผนการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเป็น Top of Mind Brand ของวงการกาแฟไทยและขยายช่องทางในการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทุกความต้องการ ทุกขึ้นที่มากขึ้น