ชู‘มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง’จุดขาย ‘ไฮเนเก้น’อัด7อีเวนต์ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า81%

12 ส.ค. 2560 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2560 | 08:43 น.
“ไฮเนเก้น” เปิดเกมรุกตลาดเบียร์พรีเมียมในไทย เดินหน้าอัด 7 อีเวนต์ใหญ่ พร้อมชู “มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง” ผสานเน็ตเวิร์กทั่วโลกขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่ วางเป้าโกยยอดขายตลอดทั้งปีโต 7% พร้อมครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 81% ยํ้าแชมป์ผู้นำ

[caption id="attachment_192222" align="aligncenter" width="335"] ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ภัททภาณี เอกะหิตานนท์[/caption]

นางสาวภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัท ทีเอพีฯผู้ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ไฮเนเก้น, เชียร์,สตรองโบว์ฯลฯ เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดของแบรนด์ไฮเนเก้นนับจากนี้จะยังคงให้ความสำคัญกับการนำกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งมาใช้ในการสร้างแบรนด์ เพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดอีเวนต์และแคมเปญใหญ่ 6-7 งานตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นงานคอนเสิร์ตสปอนเซอร์ชิพระดับเวิลด์คลาส ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ งานที่เป็นการจัดร่วมกันภายในประเทศ (Local Creater) ที่มีภาพลักษณ์ตรงกันกับแบรนด์ โดยในช่วงครึ่งหลังจากนี้บริษัทเตรียมเปิดตัว2 แคมเปญใหญ่ และ 2 กิจกรรมหลักเพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ Heineken Live Access เน็ตเวิร์กแคมเปญจากทั่วโลกของไฮเนเก้นมาใช้ในการแลกเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่จะพาผู้โชคดีที่ได้รับการคัดเลือกจากไทยไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ประเทศต้นกำเนิดของไฮเนเก้น) เพื่อร่วมเทศกาลดนตรีระดับโลกแบบพิเศษกับ Mysteryland

ขณะที่ในช่วงเดือนกันยายนบริษัทเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับงาน Heineken present The Chainsmokers Do not Open Asia Tour 2017 นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวกระป๋องมิวสิกอิดิชั่น 4 สไตล์ ออกมาตลอดช่วง 3 เดือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ควบคู่กับการจัดกิจกรรมการแสดงดนตรีสดในเอาต์เลตทั่วประเทศอีกด้วย ซึ่งรูปแบบการทำตลาดดังกล่าวเพื่อให้สามารถใกล้ชิดกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น

M38-3286-2a “ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราได้ปล่อยแคมเปญใหญ่ที่ไฮเนเก้นเข้าไปสนับสนุนตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็น งาน S2O ช่วงสงกรานต์ หรือ Space jam และการเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับศิลปินรักโลกที่มาจัดคอนเสิร์ตในไทยอย่าง Cold Play ซึ่งแต่ละแคมเปญจะมีรูปแบบและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่คงสานแนวคิดหลักของแบรนด์อย่าง Open Your World เพื่อยํ้าผู้นำด้านภาพลักษณ์ทางดนตรีของแบรนด์ ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทให้นํ้าหนักของการนำกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งมาใช้ในการสร้างแบรนด์มากกว่าสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง”

นอกจากนี้ในช่วงปลายปีบริษัทยังมีแผนในการเปิดตัวแคมเปญใหม่ ที่ยังไม่เคยเปิดตัวในประเทศไทยมาก่อน พร้อมกับเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ในพอร์ต “สตรองโบว์” (Strongbow) เครื่องดื่ม แอปเปิล ไซเดอร์ ใน 3 รสชาติ ได้แก่ Gold Apple, Red Berries และ Honey อย่างเป็นทางการ หลังจากมีการนำเข้ามาทำตลาดเป็นระยะเวลาหนึ่งและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

สำหรับภาพรวมการเติบโตของไฮเนเก้นในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการเติบโตที่ 4% โดยปัจจุบันครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มเบียร์อินเตอร์พรีเมียม 79% ซึ่งจากการที่บริษัทเดินหน้าทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัทให้สามารถเติบโตได้ที่ 7% ในสิ้นปีนี้ พร้อมกับเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 81% ขณะที่ภาพรวมตลาดเบียร์เมืองไทยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าราว 1.8 แสนล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 4% ขณะที่ในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตลดลง 4% ซึ่งการเติบโตที่มีอยู่ในตลาดส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ผู้เล่นแต่ละรายหันมาจัดกิจกรรมทางการตลาดเพิ่มขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560