“ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้” ประกาศแผน 5 ปีทุ่ม 8,000 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ใหม่ “พอร์โต้ โก” ยกเครื่องที่ดินว่างเปล่าเป็นจุดพักรบครบวงจรทั้งศูนย์อาหารปั๊มนํ้ามัน คอนวีเนียนสโตร์ พร้อมพลิกโฉม “พอร์โต้ ชิโน่” รับศึกค้าปลีกมหาชัยเดือดหลังเซ็นทรัลพลาซา มหาชัยเปิดบริการต้นเดือนพ.ย. นี้
นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์และโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์ “พอร์โต้ ชิโน่” และ “พอร์โต้ โก” เปิดเผยว่า แผนดำเนินธุรกิจ 5 ปีนับจากนี้ (ปี 2561-2566) บริษัทเตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “พอร์โต้ โก” โดยพัฒนาที่ดิน 15-20 ไร่ริมถนนสายหลักให้เป็นจุดพักรถ (rest area) ครบวงจรทั้งสถานีบริการนํ้ามัน ศูนย์อาหาร คอนวีเนียนสโตร์ และร้านแฟชั่นเสื้อผ้า ฯลฯ ใช้งบลงทุน 400 ล้านบาทต่อสาขา เน้นเจาะกลุ่มนักเดินทางและคนรุ่นใหม่ (Gen x) เป็นหลัก โดยจะเปิดให้บริการสาขาแรกที่บางปะอิน เดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนจะเปิดให้บริการสาขา 2 ในย่านพระราม 2 ในไตรมาส 2 -3 ของปีหน้า
“จากการสำรวจในเส้นทางหลักที่มีรถวิ่งเฉลี่ย 14.8 ล้านคันต่อปี (เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อ) ซึ่งจาก 10 คนที่เข้ามาใช้บริการจุดพักรถ 3 คนเติมนํ้ามัน 50% ทานอาหาร 30% และอื่นๆ 20% เพื่อสร้างความสดชื่นให้แก่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นซื้อกาแฟ หรือพักผ่อน ดังนั้นโจทย์หลักของบริษัทคือทำอย่างไรที่จะรองรับส่วนนี้ให้มากที่สุด จึงออกมาเป็นจุดพักรถที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่นักเดินทางไม่ว่าจะเป็น ห้องนํ้าสะอาดปั๊มนํ้ามัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งแบรนด์เสื้อผ้า ฯลฯ”
[caption id="attachment_220695" align="aligncenter" width="503"]
สุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด[/caption]
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขาพอร์โต้ โกให้ครบ 20 แห่งภายในระยะเวลา5ปี แบ่งเป็นในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 90% หัวเมืองท่องเที่ยว 10% ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนราว 8,000 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนจากธนาคาร นักลงทุนและมีกลุ่มทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวแล้ว ขณะที่เงินลงทุน 800 ล้านบาทใน 2 สาขาแรกเป็นเงินทุนของทางบริษัทเอง
นอกจากนี้ทั้งพอร์โต้ โก และพอร์โต้ ชิโน่ ยังมีการนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการรับจอง และสั่งสินค้า ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะมีพนักงานรับส่งสินค้าไว้บริการในจุดที่จัดไว้ให้เบื้องต้นอยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชัน โดยคาดการณ์ว่าพอร์โต้ โก จะสามารถคืนทุนได้ใน 7-8 ปีข้างหน้า
พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่และโอกาสครบรอบ 5 ปีบริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการปรับโฉม “พอร์โต้ ชิโน่” โฉมใหม่เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในท้องถิ่นย่านพระราม 2 และนักเดินทางที่จะผ่านไปยังเส้นทางสู่ภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นอัมพวา,ชะอำ,หัวหิน เป็นต้น โดยการปรับโฉมใหม่ในครั้งนี้จะเน้นรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าใน 5 กลุ่มหลักได้แก่ 1.กลุ่มคนที่อาศัยในพื้นที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร 2.กลุ่มพนักงานบริษัทและเจ้าของธุรกิจ 3.กลุ่มนักท่องเที่ยว 4.กลุ่มคนที่ทำงานอิสระ5.กลุ่มคนที่อาศัยอยู่โดยรอบมหาชัย
สำหรับจุดเด่นของพอร์โต้ ชิโน่ โฉมใหม่นอกเหนือจากการปรับโฉมโลโกของทางศูนย์ให้ดูสนุกสนาน มีสีสันเพิ่มขึ้นแล้วนั้น ยังมีการรีโซนนิ่งศูนย์ใหม่บนพื้นที่ 1.7 หมื่นตร.ม. เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าและเพิ่มฟังก์ชันที่ยังขาดไป โดยประกอบไปด้วย 12 โซนใหม่ ได้แก่ 1.Parking Building พื้นที่อาคารจอดรถที่จะสามารถรองรับ 800 คัน 2.Signage System พื้นที่ป้ายเพดานและผนังกราฟิกบอกตำแหน่งร้าน 3.Pick-Up Service บริษัทรับจองสั่งซื้อสินค้าผ่านแอพพลิเคชัน โทรศัพท์ หรือไลน์ พร้อมบริการเจ้าหน้าที่รับส่งสินค้าบริษัทจุดรับส่งสินค้า 4.บริการรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ-เด็ก 5.Afterwork Community แหล่งแฮงเอาต์หลังเลิกงาน 7.Pop-Up Store พื้นที่สำหรับ SME,Start Up และอาชีพอิสระ 8.สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ 9.พื้นที่สวนสีเขียวสำหรับพักผ่อนและบริการฟรีไวไฟ 10.พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง 11.โซนจัดอีเวนต์ใหม่ และ12.ชุดยูนิฟอร์มใหม่สำหรับพนักงาน
“การที่เราปรับโฉมศูนย์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการของคนในพื้นที่และกลุ่มนักเดินทางเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีลูกค้าที่ต้องการเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์เป็นจำนวนมากแต่ยังมีปัญหาเรื่องลานจอดรถที่ไม่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งจุดรวมการนัดพบปะที่ตอบโจทย์ดังนั้นเราจึงมีการปรับโซนต่างๆ ขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ขณะที่การเข้ามาของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ (เซ็นทรัลพลาซา มหาชัย) ฝั่งตรงข้ามนั้นมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับจำนวนลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์แน่นอน เนื่องจากเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ในแง่ของลูกค้าประจำในพื้นที่ยอมรับในช่วงแรกอาจจะมีการหันไปใช้ศูนย์การค้าใหม่บ้างซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้บริโภคแต่จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น”
ทั้งนี้ปัจจุบันเครือดี-แลนด์ฯมีรายได้ที่มาจากธุรกิจรีเทลคิดเป็นสัดส่วน15%จากรายได้ทั้งหมด และวางเป้าหมายอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้ที่มาจากกลุ่มธุรกิจรีเทลจะเพิ่มเป็น 40% และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเดินหน้ารุกธุรกิจรีเทลทั้งในส่วนของพอร์โต้ ชิโน่ และพอร์โต้ โก อย่างต่อเนื่อง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,306 วันที่ 19 - 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560