‘ปลายจวัก’ปลาร้าพาสเจอไรซ์ ลุยส่งนอก-เป้ารายได้40ล้าน

13 มิ.ย. 2561 | 09:43 น.
อัปเดตล่าสุด :13 มิ.ย. 2561 | 16:43 น.
“เนทีฟฟู้ด” ต่อยอดผลิตภัณฑ์ปลาร้าพาสเจอไรซ์แบรนด์ปลายจวัก หวังเพิ่มฐานลูกค้าของธุรกิจเดิม เตรียมจำหน่ายบิ๊กซี เซเว่นฯ พร้อมลุยเวียดนาม และยุโรป เชื่อรายได้ปีนี้โตหลัก 40 ล้าน

นางสาวเนตรดาว ขันดวง เจ้าของกิจการ ปลาร้าพาสเจอไรซ์แบรนด์ “ปลายจวัก” 7112 ภายใต้บริษัท เนทีฟฟู้ด จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการต่อยอดธุรกิจของครอบครัว ซึ่งทำโรงหมักปลาร้ามากว่า 40 ปี ไปสู่การทำในรูปแบบพาสเจอไรซ์ เพื่อให้เป็นอาหารที่ถูกต้องตามสุขลักษณะ รวมถึงปรับเปลี่ยนมุมมองภาพลักษณ์ในสายของผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่า โดยมุ่งหวังจะขยายฐานลูกค้า และเพิ่มช่องทางในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ หลังจากที่เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ปลาร้าพาสเจอไรซ์ออกสู่ตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม และทางหน้าเพจเฟซ บุ๊ก ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี และได้รับความนิยมจนมียอดออร์เดอร์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันกำลังที่จะนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายห้างบิ๊กซี และอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11) เพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่าย อีกทั้งยังมีห้างโมเดิร์นเทรดอีกหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหาร และร้านส้มตำที่ติดต่อเข้ามาเพื่อจะนำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่าย และใช้ในการประกอบอาหาร

“ช่องทางออนไลน์ของบริษัทยังมีการจำหน่ายผ่านแอพพลิเคชันช็อปปี้ (Shopee) และบนเว็บไซต์ของบริษัทที่จะมีการบอกข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์”

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้น ล่าสุดกำลังอยู่อยุ่ในขั้นตอนการเจรจาทางธุรกิจเพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะต้องมีการปรับแพ็กเกจจิ้งให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อเตรียมส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศในแถบยุโรป โดยคาดว่าจะสามารถทำได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า เนื่องจากการส่งออกไปยังยุโรปมีขั้นตอนที่ค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องของการมีใบรับรองจากกรมประมง เพื่อที่จะตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าปลาที่นำมาผลิตมีประวัติอย่างไร และจะต้องไปเป็นปลาเลี้ยงเท่านั้นไม่ใช่ปลาแม่นํ้าจากธรรมชาติ

“ขั้นตอนในการผลิตของการส่งผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในประเทศแถบยุโรป จะมีกระบวนการที่ค่อนข้างแตกต่าง เพราะที่ยุโรปจะต้องการเฉพาะเนื้อปลาเท่านั้น ไม่ต้องการให้มีกระดูกปน และต้องเป็นปลาชนิดเดียวเท่านั้นที่นำมาหมัก จากเดิมที่บริษัทจะใช้เนื้อปลาขนาดเล็ก อย่างปลาสร้อย ปลากระดี่ ปลาหมอ เป็นต้น มาหมักรวมกัน โดยเท่าที่บริษัทค้นคว้า และวิจัยพบว่าเนื้อปลายี่สก และปลาจีนเป็นปลาที่นำมาหมักแล้วให้รสชาติอร่อยที่สุด ซึ่งการที่บริษัทสามารถทำตลาดได้ในช่วงปลายปี หรือต้นปีหน้าก็เพราะจะต้องใช้เวลาในการหมักประมาณ 8 เดือน และกำลังเพิ่มโรงเรือนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้น”

7116

นางสาวเนตรดาว กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ประมาณ 40 ล้านบาทในปี 2561 และจะเติบโตเพิ่มมากขึ้นตามแผนกลยุทธ์ในการทำตลาดที่จะเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ปลายจวัก” อยู่ที่ความเข้มข้นของนํ้าปลาร้าที่เป็นสูตรเฉพาะของครอบ ครัว และปริมาณเนื้อปลาร้าที่นำมาต้มมากกว่า 80-90% หรือเรียกว่ามีแต่เนื้อมากกว่านํ้า อีกทั้งยังมีการทำเป็นสูตรนํ้าส้มตำพร้อมรับประทาน ซึ่งสามารถนำไปใส่กับขนมจีน และอาหารประเภทแกงได้ด้วย โดยผลิตและบรรจุแบบร้อนที่อุณหภูมิ 90ํc ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุอยู่ได้ 2 ปี

7117

“ปัจจุบันมีลูกค้าที่ต้องการให้บริษัทดำเนินการในรูปแบบการรับจ้างผลิต (OEM) เพื่อนำไปสร้างแบรนด์เป็นของตนเองจำนวนมาก แต่ตอนนี้บริษัทยังไม่สามารถตอบสนองความต้อง การของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนี้ได้ เพราะตอนนี้เราต้องสร้างแบรนด์ของบริษัทก่อน”

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 ฉบับ 3372 วันที่ 7-9 มิถุนายน 2562 e-book-1-503x62-7