"กัทส์ ซุปเปอร์โพลส์" ผู้นำธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บุกตลาดไม่หยุด หลังทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท พัฒนาระบบ
"Guts City Monitoring" ระบบรักษาความปลอดภัยที่จะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับพลเมืองทุกคน ด้วยระบบ Face Hunter เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำจากกล้อง CCTV อัจฉริยะจากเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุด สามารถจดจำใบหน้าผู้ร้าย รวมถึงผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ หรือ คนหายได้ในทันที รวมถึงระบบตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ทำงานร่วมกับ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดวิสัย สอดส่องทุกความเคลื่อนไหว ทั้งบุคคล รถ หรือ ยานพาหนะที่ผิดสังเกต ร่วมกับฐานข้อมูลพลเมืองและอาชญากรรม ซึ่งสามารถรับมือทันทุกสภาวะฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมประเดิมติดตั้งที่ Pattaya Walking Street แห่งแรกในประเทศไทย
นายชยวัฒน์ สถิติศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท กัทส์ ซุปเปอร์โพลส์ จำกัด บริษัทในเครือกัทส์กรุ๊ป ผู้ดำเนินงานธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือกัทส์ กรุ๊ป ด้วยประสบการณ์การบริหารงานด้านการรักษาความปลอดภัยกว่า 40 ปี ปัจจุบัน มีพนักงานรักษาความปลอดภัยมากกว่า 12,000 คน หมุนเวียนกันให้บริการทั่วประเทศ มีลูกค้ามากกว่า 2,600 รายทั่วประเทศ โดย
"กัทส์ ซุปเปอร์โพลส์" เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมระบบการรักษาความปลอดภัยแห่งอนาคต โดยมีแนวคิดหลักในการพัฒนาสร้างสรรค์ระบบรักษาความปลอดภัยให้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเป็นที่สุดสำหรับงานระบบรักษาความปลอดภัย และได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA เปิดตัวนวัตกรรมใหม่แห่งการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ด้วยระบบที่ชื่อว่า
"Guts City Monitoring" ระบบรักษาความปลอดภัย ที่จะเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับพลเมืองทุกคนด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของทีมงาน ที่ดูแลทุกคนในเมืองตลอด 24 ชั่วโมง
ระบบ
"Guts City Monitoring" มีการร่วมนวัตกรรมเข้ามาเสริมความปลอดภัยในทุกมิติ ไม่เล็ดลอดสายตา ไม่ว่าใคร ด้วยระบบ Face Hunter เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่แม่นยำจากกล้อง CCTV อัจฉริยะจากเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุด สามารถจดจำใบหน้าผู้ร้าย รวมถึงผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ หรือ คนหายได้ในทันที และระบบตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ (LPR license Plate Recognition) ที่ทำงานร่วมกับ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดวิสัย (Behavior Analysis) สอดส่องทุกความเคลื่อนไหว ทั้งบุคคล รถ หรือ ยานพาหนะ ที่ผิดสังเกต ร่วมกับฐานข้อมูลพลเมืองและอาชญากรรม ซึ่งสามารถรับมือทันทุกสภาวะฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการแสดงผลทัศนียภาพทั้งเมืองแบบ Real-Time ทันทีที่เกิดเหตุผิดวิสัย ทีมงาน Guts จะแจ้งเหตุไปยังตำรวจ หน่วยกู้ภัย โรงพยาบาล หน่วยดับเพลิง และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีระบบประเมินความเสี่ยงสาธารณภัย หรือ Environment Analysis นอกเหนือจากเหตุฉุกเฉิน เหตุด่วนเหตุร้ายอื่น ๆ ก็รู้ล่วงหน้าได้ ด้วยการยกระดับการรักษาความปลอดภัยจากธรรมชาติให้ดีกว่าเคย และป้องกันสาธารณภัยทุกรูปแบบ ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย (IOT) ที่ทำงานควบคู่กับ AI ช่วยคาดคะเนภัยพิบัติที่จะเกิดแบบรอบด้าน
นายชยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า กัทส์ เราให้บริการหน่วยงานเอกชนเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบัน มีบริษัทที่ใช้บริการด้านเฝ้าระวังจากเราประมาณ 400 หน่วยงาน ซึ่งเราได้เชื่อมต่อระบบความปลอดภัย เช่น ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ กล้องวงจรปิด หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยี AI ก็มีเช่นกัน ในส่วนของระบบ
"Guts City Monitoring" บริษัทได้ใช้งบประมาณในการพัฒนากว่า 100 ล้านบาท โดยแห่งแรกที่บริษัทจะไปทำการติดตั้ง
"Guts City Monitoring" ได้ร่วมกับเทศบาลเมืองพัทยา ติดตั้งบน Pattaya Walking Street เป็นที่แรกในประเทศไทย จากนั้นก็จะเจาะกลุ่ม EEC หลังจากนั้นก็จะสามารถดูแลได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเมืองท่องเที่ยว อุตสาหกรรม หรือ เมืองที่ต้องการเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
"ในเรื่องของตลาดความปลอดภัยในประเทศไทยมีขนาดที่ใหญ่ และยังคงมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดบน ที่มีความต้องการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้งานได้จริง บวกกับบุคลากรด้านความปลอดภัยขาดแคลนจากข้อกำหนดต่าง ๆ ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนอย่างรวดเร็ว" นายชยวัฒน์ กล่าวปิดท้าย