หลังจากผลการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมียอดจองรวมกว่า 1,060 ล้านบาท และสร้างกระแสตอบรับจากการเปิดตัวแบบบ้าน Greenery Series ในช่วงต้นปี บริษัท ซีคอน จำกัด ยังคงรักษาแนวทางการเติบโตได้ดีในปีนี้
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพผ่านการใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับราคาที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคได้
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจในปัจจุบันจะยังเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ ทั้งจากผลกระทบด้านนโยบายภูมิรัฐศาสตร์และการเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างโดยเฉลี่ย 5% และความไม่แน่นอนของค่าแรงขั้นตํ่า
แต่ซีคอนยังสามารถรักษาสมดุลทางการเงินและการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งโดยปกติของธุรกิจรับสร้างบ้านส่วนใหญ่แล้วจะมีการเติบโตแบบออร์แกนิก และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการการเข้าตลาดหลักทรัพย์
ด้านผลการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 มียอดเซ็นสัญญารวมประมาณ 1,060 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนราว 10% ที่อยู่ที่ 1,170 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ซีคอนได้รับความสำเร็จจากกลยุทธ์พัฒนาแบบบ้านที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยแบบบ้าน Greenery Series ซึ่งเปิดตัวช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม สร้างยอดขายถึง 100 ล้านบาทภายใน 2 เดือนแรก
นอกจากนี้ ธุรกิจโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูป SEACON Precast Factory ยังสร้างรายได้รวมกว่า 100 ล้านบาท จากการผลิตชิ้นส่วนกว่า 20,000 ชิ้น รองรับความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ซีคอนมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราไม่รอฟ้ารอฝนหรือโชคชะตา แต่ใช้กลยุทธ์ปรับตัวเพื่อส่งมอบบ้านที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า และเพื่อเสริมแรงกระตุ้นตลาดปลายปี ซีคอนจึงได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษ Your Home Series (Your Home: Your Family) เจาะกลุ่มอาชัพที่มั่นคง คือข้าราชการไทยซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักมานานกว่า 60 ปี”
นายมนูกล่าวว่า แคมเปญนี้เน้นส่งเสริมให้กลุ่มข้าราชการสามารถมีบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยแบบบ้านที่หลากหลายถึง 6 แบบ ครอบคลุมทั้งบ้านชั้นเดียวและบ้านสองชั้น ราคาเริ่มต้นเพียง 1.399 ล้านบาท ไปจนถึง 2.29 ล้านบาท พร้อมโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษ 2.50% สำหรับผู้จองภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น
โดยตั้งเป้าหมายของแคมเปญนี้อยู่ที่จำนวนหน่วยประมาณ 50 หลัง เป็นมูลค่าราว 100 ล้านบาทภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งหากได้รับผลตอบรับดีอาจจะมีการต่อยอดต่อไปในอนาคต
นายมนู ยังเสริมว่า ผู้บริโภคยุคปัจจุบันมีพฤติกรรมเน้นความคุ้มค่าและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ซีคอนจึงมุ่งควบคุมต้นทุนการก่อสร้างอย่างเข้มงวดผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
นอกจากนี้ ซีคอนยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำแนวคิด “ลดเพื่อรักษ์” มาปรับใช้ในหลากหลายมิติ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโรงงานเพื่อลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิง การใช้วัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน เช่น อิฐมวลเบาและฉนวนกันความร้อนที่ช่วยประหยัดพลังงาน
รวมถึงการผลิตขวดนํ้าดื่มไร้ฉลาก C2 Water เพื่อสนับสนุนการรีไซเคิล 100% พร้อมเดินหน้าผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การใช้สารเซอร์โคเนียมในอลูมิเนียมแทนโครเมียม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ ซีคอนยังคงหวังที่จะสามารถทำยอดได้ตามเป้าหมาย 1,200 ล้านบาท ตามที่วางไว้สำหรับปี 2567 และตั้งเป้าขยายตลาดในปี 2568 ด้วยการรักษาโมเมนตัมการเติบโต
พร้อมต่อยอดแคมเปญที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหลักและสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคและชุมชนรอบข้าง ในขณะเดียวกันยังเตรียมปรับตัวรับมือความท้าทายจากเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,049 วันที่ 1 - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567