สวทน. ผนึกกำลัง "มิชลิน-มช.-มทร.ล้านนา" ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการพัฒนากำลังคนด้านอุตสาหกรรมด้วยระบบ Michelin Talent Academy
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เปิดเผยว่า จากปัญหาของการขาดแคลนช่างเทคนิคและนักเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ ประกอบกับกำลังแรงงานที่มีอยู่ส่วนใหญ่ยังมีสมรรถนะไม่สอดคล้องกับความต้องการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนที่มีศักยภาพสูงและมีความพร้อมต่อการปฏิบัติงานจริงได้ สวทน. จึงได้ร่วมกับบริษัทผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหญ่ อย่าง บริษัท มิชลิน อาร์โอเอช จำกัด, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคนทางด้านอุตสาหกรรม ที่เกิดจากการบูรณาการโปรแกรมโรงเรียนในโรงงาน ตั้งแต่ในระดับ ปวส. , ปริญญาตรี (สหกิจ) ไปจนถึงปริญญาโท ด้วยระบบพัฒนากำลังคนเชิงปฏิบัติการ (Michelin Talent Academy) เพื่อช่วยในการพัฒนาความรู้ด้านวิทยาการข้อมูล (Data Science)
โดยมีความร่วมมือทั้งในด้านการพัฒนาโครงการและด้านการพัฒนากำลังคน โดยในการพัฒนาด้านกำลังคนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ความร่วมมือพัฒนาผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา และ 2.ความร่วมมือในการสร้างและพัฒนาต้นแบบระบบการพัฒนากำลังคนทางเทคนิคและบัณฑิตนักปฏิบัติในอุตสาหกรรมยางล้อ ด้วยวิธีบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน หรือ การจัดการศึกษาแบบโรงเรียนในโรงงานร่วมกับทีมงานการจัดการศึกษาแบบบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน หรือ Work–Integrated Learning (WiL) ที่สามารถนำไปขยายผลในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นที่เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาในสายอาชีวศึกษาและคุณภาพการทำงานในวงกว้างต่อไป
"ความร่วมมือในครั้งนี้ สวทน. จะเป็นผู้ดำเนินการในระดับนโยบายวิทยาศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับกำลังคนทางเทคนิคและนักเทคโนโลยี ด้วยระบบการพัฒนากำลังคนเชิงปฏิบัติการ (Michelin Talent Academy) เพื่อให้สามารถสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง และจะสนับสนุนและประสานงานให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา ตลอดจนจะทำหน้าที่ศึกษาและวิจัยเชิงนโยบายด้านการศึกษาและระบบการพัฒนากำลังคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นต้นแบบในการขยายผลโครงการสำหรับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อื่นของประเทศได้ในวงกว้างต่อไป" ดร.กิติพงค์ กล่าว