"Jaspal" ประกาศบุก อี-คอมเมิร์ซ และตลาดต่างประเทศ

29 ต.ค. 2561 | 07:33 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ต.ค. 2561 | 08:26 น.
Jaspal กลุ่มธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ไทย ขยับตัวรุกตลาดต่างประเทศ เตรียมปักธงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย พร้อมลุยหนักอี-คอมเมิร์ซ ปีหน้าเปิดช่องทางชัดเจน นำเทคโนโลยีสร้างความฮือฮา ประเดิมช็อปแรกที่สยามเซ็นเตอร์

นายเควิน สิงห์สัจจเทศ ผู้อำนวยการ แบรนด์ Royal Ivy Regatta บริษัท ยัสปาล จำกัด เปิดเผยว่า ปีหน้ายัสปาลจะลอนซ์เวป อี-คอมเมิร์ซ ของแบรนด์ในเครือยัสปาลอย่างจริงจัง พร้อมทั้งวางแผนรุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งล่าสุด บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ Event Banana (อีเวนท์ บานาน่า) แพลตฟอร์มสำหรับค้นหาและจองสถานที่การจัดงาน สตาร์ทอัพจาก ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปีที่ 6 เพื่อให้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในระบบหลังบ้าน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ พร้อมกันนี้ยังร่วมกันศึกษาแนวทางในการพัฒนาระบบเพื่อนำมาใช้กับช็อปเสื้อผ้าในเครือของยัสปาลเพิ่มเติมอีกด้วย

การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในกลุ่มยัสปาลจะดำเนินการต่อเนื่อง ปีหน้านอกจากกาเปิดเวปไซด์อี-คอมเมิร์ซแล้ว ยังเตรียมเปิดช็อปรูปแบบใหม่ที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม เป็นการดีไซน์ร้านที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการช็อปปิ้งให้กับผู้บริโภค ที่ออนไลน์ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากจุดแข็งของกลุ่มยัสปาล คือ จำนวนแบรนด์ที่มีมากถึง 16 แบรนด์ และยังมีช็อปมากกว่า 400 สาขา ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง การผนึกระหว่างช็อปและระบบออนไลน์ หรือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน จะทำให้ยัสปาลเป็นช็อปที่มีความแตกต่างออกไป สร้างการ Engage กับลูกค้าได้มากขึ้น สำหรับรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่โปรเจคนี้ถือเป็นการสร้างความแตกต่างในฐานะผู้นำของตลาดเสื้อผ้า


บาร์ไลน์ฐาน

"สิ่งที่เจนเนอเรชั่นของเราต้องต่อสู้ คือ ร้านค้าออนไลน์ ที่เขาไม่ต้องไปจ่ายตังค์ค่าพื้นที่ เมื่อก่อนสิ่งที่ยากของการขาย คือ ไม่มีร้าน แต่ตอนนี้ไม่ต้องมีร้านก็ขายได้ แต่ขณะเดียวกัน การมีร้านมันก็ช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น เพราะฉะนั้น เราต้องหาวิธีที่ร้านกับออนไลน์เข้ามาเบลนกันได้" นายเควิน กล่าวและว่า ปัจจุบัน ยอดขายจากช่องทางออนไลน์ของยัสปาลอยู่ที่ 2-3 % อนาคตจะพยายามผลักดันให้อยดขายในส่วนนี้เพิ่มขึ้น

แนวทางในการขยายธุรกิจของกลุ่มยัสปาลต่อจากนี้ คือ การทำให้สาขาทั้งหมดที่มีอยู่สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศ คือ เป้าหมายที่ยัสปาลจะขยายต่อไป จากขณะนี้ที่เข้าไปเปิดช็อปแล้วในกัมพูชาและเวียดนาม ต่อไปจะขยายไปยังอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย โดยการเข้าไปตั้งบริษัท และมีแผนที่จะขยายต่อไปเรื่อย ๆ โดยคัดเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมกับตลาดของในแต่ละประเทศ เพราะแต่ละแบรนด์ของกลุ่มยัสปาลจะมีคาแรคเตอร์และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยขณะนี้ แบรนด์ยัสปาลมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 20% ของแบรนด์ในเครือ จากรายได้รวมทั้งหมด 9,000 ล้านบาท ส่วนแบรนด์นำเข้ามีสัดส่วนรายได้อยู่ 20% เช่นกัน และที่เหลือเป็นของแบรนด์อื่น ๆ ส่วนรายได้จากต่างประเทศยังมีสัดส่วนไม่เกิน 10%


595959859