โลกตื่น! จัดการคุมดื้อยาต้านจุลชีพ ไทยตั้งเป้าปี 64 ลดผู้ป่วยจากเชื้อดื้อยา 50%

20 พ.ย. 2561 | 05:20 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2561 | 12:52 น.
อธิบดีกรมปศุสัตว์เดินแผนขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์จัดการดื้อยาต้านจุลชีพ รับลูก ครม. ให้เป้าปี 64 ไทยลดผู้ป่วยจากเชื้อดื้อยาลง 50%

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษฎา บุญราช พร้อมด้วยอธิบดีกรมปศุสัตว์ และคณะ ได้เดินทางไปประชุมระดับโลกด้านการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ณ เมืองมาราเกซ ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมแบ่งปันข้อมูลด้านการจัดการและการรับมือความท้าทายการดื้อยาต้านจุลชีพของหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเทศไทย ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรจากอีก 10 กว่าประเทศทั่วโลก เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร ล่าสุด เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง จึงได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์เดินทางไปเข้าร่วมการประชุม Call to Action on Antimicrobial Resistance ครั้งที่ 2 ณ กรุงอักกรา สาธารณรัฐกานา ระหว่างวันที่ 19–20 พ.ย. 2561


ปกยา2

ทั้งนี้ จากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) สมัยที่ 71 (พ.ศ. 2559) ที่ประเทศไทยได้สนับสนุนและร่วมรับรองปฏิญญาทางการเมือง เรื่อง "การดื้อยาต้านจุลชีพ" (Antimicrobial Resistance – AMR) โดยมีกลุ่ม Interagency Coordination Group on AMR (IACG) เป็นกลไกการขับเคลื่อนปฏิญญาทางการเมืองดังกล่าว และประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพร่วม (co-Host) จัดการประชุม Call to Action on AMR ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12-13 ต.ค. 2560 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

สำหรับการประชุม Call to Action on Antimicrobial Resistance ครั้งที่ 2 นี้ มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1.เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ทำงานเชิงรุกระดับนโยบาย ทั้งในประเทศจนถึงระดับโลก ในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหา AMR และนำเสนอกรณีตัวอย่าง 2.เพื่อธำรงรักษาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง การขับเคลื่อนงาน AMR ในระดับประเทศและระดับโลก ผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งภาคประชาสังคม และ 3.เพื่อนำเสนอกระบวนการการทำงานของกลุ่ม ประสานงานหน่วยงานด้านการจัดการเชื้อดื้อยาระหว่างประเทศ (Interagency Coordination Group on AMR : IACG) และผลงานที่ IACG จะส่งมอบและรายงานต่อเลขาธิการสหประชาชาติในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 73 โดยมีเจ้าภาพร่วม ซึ่งประกอบด้วย ประเทศไทย สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐกานา มูลนิธิ Wellcome Trust มูลนิธิสหประชาชาติ และธนาคารโลก


ปกยา1

โดยคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การดื้อยาต้านจุลชีพ ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็น co-Host สำหรับจัดการประชุม โดยมีเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อธิบดีกรมปศุสัตว์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนจากประเทศไทย ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560–2564 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2559 นั้น เป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวง ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ พร้อมเป้าประสงค์ที่วัดได้ เราคาดว่า ภายในปี 2564 การป่วยจากเชื้อดื้อยาจะลดลง 50% การใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์และสัตว์ลดลง 20% และ 30% ตามลำดับ ประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและตระหนักในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมเพิ่มขึ้น 20% และประเทศไทยมีระบบจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพที่มีสมรรถนะตามเกณฑ์สากล

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักยุทธศาสตร์ "การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง" เช่น เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ กำหนดให้มีการใช้ยาต้านจุลชีพตามใบสั่งสัตวแพทย์ และลดการใช้ยาต้านจุลชีพในฟาร์มปศุสัตว์และประมง โดยมีกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการที่สำคัญ คือ โครงการพิเศษ "การเลี้ยงสัตว์ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ" (Raised Without Antibiotics : RWA) ซึ่งได้มีการลงนามกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2561

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว