'ไมเดีย' ส่งอินเวอร์เตอร์ 5 ซีรีส์ รุกตลาดแอร์

18 ธ.ค. 2561 | 06:54 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2561 | 08:01 น.
'ไมเดีย' ตั้งเป้ารุกตลาดแอร์ มั่นใจ! รั้งอันดับ 3 แบรนด์ยอดนิยมของเมืองไทยใน 5 ปี พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่รวม 5 ซีรี่ส์ รับการฟื้นตัวของตลาดในปีหน้าและกระแสความต้องการแอร์อินเวอร์เตอร์ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

นายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยปีนี้อยู่ในช่วงฟื้นตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น ด้วยสถิติการเติบโตประมาณ 4.1% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากเรื่องการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การเติบโตของธุรกิจเครื่องปรับอากาศกลับไม่เติบโตตามเศรษฐกิจ โดยมีอัตราการเติบโตติดลบ 9.8% ปัจจัยหลัก คือ อากาศไม่ร้อนตามที่คาดการณ์ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา และผู้บริโภคใช้จ่ายเงินไปกับปัจจัยที่จำเป็นด้านอื่น ๆ สำหรับเครื่องปรับอากาศ Midea มีการเติบโตที่สวนทาง โดยเติบโตสูงขึ้นถึง 54% ในปีนี้

"ส่วนหนึ่งเพราะปีนี้ "โตชิบา ไทยแลนด์" ได้เข้ามาดูแลแบรนด์ Midea อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในเรื่องทีมบริหาร การดูแลจัดการทีม รวมถึงบริการหลังการขายที่ใช้ศูนย์บริการเดียวกับโตชิบา ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น การนำเสนอสินค้าคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ ปัจจัยเรื่องการลงทุนทางการตลาด รวมถึงตลาดตอบรับและเชื่อมั่นในสินค้าแบรนด์จีนมากขึ้น ในขณะที่ แบรนด์เครื่องปรับอากาศชั้นนำหลายแบรนด์เริ่มถดถอย"

 

[caption id="attachment_362899" align="aligncenter" width="335"] นายไบรอัน จ้าว 1 ไบรอัน จ้าว[/caption]

สำหรับปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของไทยจะโตประมาณ 3.8% และในปี 2563 จะเติบโต 3.5% จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะเติบโตสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่ คู่แข่งหลาย ๆ แบรนด์ไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ทำให้โอกาสในการเติบโตของเครื่องปรับอากาศ Midea ดีขึ้น

"ปัจจัยที่เรามองว่าจะทำให้ธุรกิจเราเติบโตขึ้น คือ การให้ความสำคัญกับสินค้า โดยเพิ่มไลน์อัพของเครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์ใหม่มากถึง 5 ซีรี่ส์ มากกว่า 20 รุ่น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ครบถ้วน มากไปกว่านั้น เราลงทุนในงบการตลาดสูงถึง 12% เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น ปีหน้าเราตั้งเป้าเติบโต 74% และหวังจะเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศ Top 3 ในประเทศไทยภายใน 5 ปี"


Midea_3

นายไบรอัน กล่าวอีกว่า จากข้อมูลที่มีการเก็บสถิติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า สัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ของผู้นำแบรนด์เครื่องปรับอากาศหลาย ๆ แบรนด์ได้เปลี่ยนไป หลายแบรนด์ยังคงรักษาระดับให้คงที่ ปรับลดลงไม่มากนัก ในขณะที่ บางแบรนด์ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคเริ่มเชื่อมั่นและตอบรับกับสินค้าแบรนด์จีนมากขึ้น เพราะจีนเป็นผู้นำการผลิตสินค้าเกือบทุกประเภทให้บริษัทชั้นนำทั่วโลก บวกกับปัจจัยหนุนของรัฐบาลและความร่วมมือไทย-จีน ที่ทำให้เกิดโปรเจกต์ One Road One Belt หรือ "เส้นทางสายไหม" ที่จะมาเชื่อมโยงการค้าให้สะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งผลต่อต้นทุนสินค้าที่จะถูกลง

จากความร่วมมือในการบริหารงาน ทั้งจาก "ไมเดีย กรุ๊ป" และบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ทำให้บริษัทตั้งเป้าจะเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศ Top 3 ในประเทศไทย ภายใน 5 ปี โดยตั้งเป้าต้องมีมาร์เก็ตแชร์อย่างน้อย 13% ในปี 2565 โดยวางหลักการไว้ ดังนี้ ปี  2562 เน้นเรื่องผลิตภัณฑ์และการทำการตลาด ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 4.5%, ปี 2563 เน้นการสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีครอบคลุมมากขึ้น ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 7%, ปี 2564 สร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 9%, ปี 2565 จัดหาผลิตภัณฑ์ที่แอดวานซ์และทันสมัย บริหารช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการทำกิจกรรมการตลาด การส่งเสริมการขาย และการสร้างแบรนด์ ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 13%


Midea_1

"บริษัทตั้งโรดแมปเพื่อให้เดินไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ ด้วย 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรก คือ การอัพเกรดผลิตภัณฑ์ ไมเดียคาดว่าตลาดเครื่องปรับอากาศในปีหน้าจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ขณะที่ ความต้องการของผู้บริโภคต่อเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ โดยได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศแบบติดตั้งบนผนังรุ่นใหม่จำนวน 3 ซีรี่ส์ และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์แบบฝังฝ้าและติดเพดานอีก 2 ซี่รี่ส์ รวม 5 ซีรี่ส์ เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภค"

สำหรับเครื่องปรับอากาศกลุ่มใช้ภายในบ้าน 3 ซี่รี่ส์ใหม่ ที่เปิดตัวในวันนี้ ประกอบด้วยรุ่น Ultimate, Mission และ Forest โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ซีรี่ส์ Ultimate ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ แบบ FULL DC นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องแบบ Inverter QuattroTM ซึ่งทำให้ห้องเย็นได้อย่างรวดเร็วภายใน 30 วินาที ซีรี่ส์ Ultimate ยังมีเทคโนโลยี Air MagicTM ที่ช่วยดูแลสุขภาพที่ดี ด้วยการยับยั้งแบคทีเรียและฝุ่นละอองในอากาศ ทั้งยังช่วยเพิ่มความความชุ่มชื้นภายในอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ ซีรี่ส์ Ultimate ยังจัดว่าเป็นเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ ซึ่งสามารถควบคุมการทำงานผ่านโมบายแอพพลิเคชัน สำหรับซีรี่ส์ Mission จะเป็นรุ่นที่เน้นด้านสุขภาพและประหยัดพลังงาน ขณะที่ ซีรี่ส์ Forest จะเน้นกลุ่มผู้ใช้ที่มองหาเครื่องปรับอากาศที่แข็งแรงทนทาน ส่วนสินค้าใหม่ในกลุ่ม CAC จะเป็นเครื่องอินเวอร์เตอร์แบบ Cassette หรือ ฝังฝ้า 4 ทิศทาง และแบบ Ceiling หรือ ติดเพดาน


Midea_2

แนวทางที่ 2 คือ การลงทุนด้านการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท เราจะเพิ่มงบทางด้านการตลาดสำหรับปีหน้า โดยตั้งเป้าที่จะใช้งบมากกว่า 12% ของรายได้ ในการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ โดยเน้นที่จุดแสดง สินค้าที่ด้านหน้าและภายในร้าน กิจกรรมส่งเสริมการขาย การสร้างแบรนด์ผ่านสื่อ Above the Line การฝึกอบรมพนักงานขายและช่างเทคนิค รวมถึงแพลทฟอร์มการให้บริการ ซึ่งใช้ศูนย์บริการเดียวกับโตชิบา

ด้าน นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทเชื่อว่าจากนี้ไปเครื่องปรับอากาศแบรนด์ Midea จะถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้น และจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนไทย เพราะตลอดปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เพิ่ม Brand Visibility ของแบรนด์ Midea ไปในวงกว้าง ทั้งผ่านจุดแสดงสินค้ามากกว่า 500 แห่ง ป้ายโฆษณามากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ทั้งยังได้จัดฝึกอบรมให้กับช่างเทคนิคไปมากกว่า 3,000 คน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยนวัตกรรมระดับโลก บวกกับประสบการณ์ความเป็นมืออาชีพ และคุณภาพของทีมงานของ "โตชิบา ไทยแลนด์" และ "ไมเดีย กรุ๊ป" เครื่องปรับอากาศ Midea จะสามารถเติบโตและบรรลุเป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้อย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว