SMEs รุมชิงเค้ก! ตลาด "ผู้สูงอายุ" บูม
กระแสตลาดผู้สูงอายุมาแรง! ส่งผู้ประกอบการสบช่องทำตลาดสร้างรายได้ "ไร่สายชล" ส่ง "เฟรช นาโน เวกกี้" เพิ่มสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ด้าน MEiD จับเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์บันทึกข้อมูลทางการแพทย์และส่วนบุคคล ขณะที่ "ดิวาลี เซ็นเตอร์" เตรียมสถานที่เชิงป้องกันดูแลสุขภาพ
นายธีระวัฒน์ วิไลรัตน์ เจ้าของกิจการ บริษัท ไร่สายชล 101 จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหน่อไม้ฝรั่งแบรนด์ "u-Smile101" (ยู-สไมล์ 101) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงวัยในประเทศไทยมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคต แบรนด์จึงมีแนวทางต่อยอดการทำธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าดังกล่าว โดยได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นขิงผงสำหรับชงดื่ม เพื่อเพิ่มทางเลือกและขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีจุดเด่นอยู่ที่การมีเนื้อขิงในนํ้าที่ชงดื่มด้วย เพื่อประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นในการรับประทาน จากเดิมที่ตามปกติเวลาที่ทำนํ้าขิงรับประทานจะต้องกรองกากทิ้ง โดยมีข้อดีจากการที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากมีความละเอียดที่สูง ทำให้ละลายนํ้าได้ง่ายแม้จะชงดื่มกับนํ้าเย็น ให้ความรู้สึกเสมือนกำลังรับประทานผักสด เนื่องจากแบรนด์มองว่า ผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องของการเคี้ยวอาหาร การกลืน และการดูดซึม จึงมีการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์
นอกจากนี้ แบรนด์ยังออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นบร็อกโคลิผง ซึ่งมีคุณสมบัติในการขับสารพิษออกจากร่างกายและมีสารอาหารหลากหลายชนิด จากเดิมที่แบรนด์ u-Smile101 จะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นหน่อไม้ฝรั่งผง โดยได้รับความนิยมจากผู้สูงอายุอยู่แล้ว ทั้งจากการที่ลูกหลานซื้อไปให้รับประทานและการซื้อเพื่อรับประทานเอง ซึ่งการออกผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมดังกล่าวของแบรนด์จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 100 ล้านบาท ภายใน 3-5 ปี
"จากคุณสมบัติของผงที่มีความละเอียดสูง เมื่อถูกละลายลงนํ้ายังสามารถคงความสดของการเป็นผักสดได้ แบรนด์จึงได้คำนิยามใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ว่า "เฟรช นาโน เวกกี้" (Fresh Nano Veggie) ซึ่งหมายถึง ผักสดที่มีความละเอียดสูง"
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ นายปีติพงศ์ เหลืองเวชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท MEiD จำกัด ผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ในรูปแบบของริสต์แบนด์ หรือ สายรัดข้อมือ (Wristband) และสติกเกอร์เพื่อช่วยเหลือชีวิต ซึ่งระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อผู้สูงอายุมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและการมีอายุที่ยืนยาวขึ้นของประชากรในปัจจุบัน โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเติบโตขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วย ริสต์แบนด์, สติกเกอร์เพื่อช่วยเหลือชีวิต และเพลตสำหรับใส่นาฬิกาสมาร์ทวอตช์ หรือ นาฬิกาอัจฉริยะ โดยทุกอุปกรณ์จะเป็นฮาร์ดแวร์สำหรับเก็บข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ที่สวมใส่และที่อยู่ เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการช่วยเหลือชีวิตในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผู้ที่พบเจอสามารถอ่านข้อมูลได้หลากหลายวิธีการ เช่น จากคิวอาร์โค้ด (QR Code) บริเวณที่ติดตั้งฮาร์ดแวร์เอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เป็นพื้นฐานที่สุด เพียงแค่ผู้ที่ไปพบเจอมีโปรแกรม หรือ แอพพลิเคชัน ที่สามารถอ่านบาร์โค้ดได้บนสมาร์ทโฟน ก็จะรู้ข้อมูลของบุคคลนั้นได้ทันที ว่า มีโรคประจำตัว กรุ๊ปเลือด หรือ ที่อยู่ ฯลฯ ได้
2.การล็อกอินผ่านทางเว็บไซต์จะมีระบุไว้บนริสต์แบนด์ หรือ สติกเกอร์ โดยผู้ที่พบเจอเพียงแค่ใส่ไอดีและพิน (PIN) ที่ปรากฎอยู่ก็จะรู้ข้อมูลได้เช่นเดียวกัน และ 3.การโทรศัพท์เข้ามายังสายด่วนให้บริการ (Hot Line) เพื่อบอกไอดีและพินกับเจ้าหน้าที่ ก็จะรู้ข้อมูลได้ทันที
นางสาวกิติมา หัตถีรัตน์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิวาลี เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์บริการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยแบบครบวงจร (Holistic Health Care Center) ภายใต้ชื่อ "ดิวาลี เซ็นเตอร์" (Diwali Center) กล่าวว่า จากกระแสการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย บริษัทจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่การดูแลเชิงป้องกันและการจัดการด้านโภชนาการ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูโดยตรง นักกายภาพ นักโภชนาการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ดูแลที่มากประสบการณ์ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
สำหรับบริการของ "ดิวาลี เซ็นเตอร์" ประกอบด้วย การตรวจหาภูมิแพ้ในร่างกาย ทั้งแบบเฉียบพลัน (Allergy-IgE) และการแพ้แบบเรื้อรัง หรือ แบบแฝง (Allergy-IgG) จำนวน 222 ชนิด, การจัดโภชนาการที่เหมาะสมรายบุคคล, การตรวจประเมินร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ การประเมินโครงร่างกระดูก กล้ามเนื้อ การทรงตัว และให้การรักษาทางกายภาพบำบัด การออกกำลังกายในนํ้า (Hydro Therapy) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อป้องกันข้อเสื่อม เป็นต้น
"ตนต้องการให้ "ดิวาลี เซ็นเตอร์" เป็นพื้นที่สำหรับการเตรียมความพร้อมและการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยในปีแรกที่เปิดให้บริการ ตั้งเป้าให้มียอดผู้ที่สมัครเป็นเมมเบอร์ประมาณ 50 ราย ซึ่งบริษัทจะคิดค่าเมมเบอร์ที่ 2.5 แสนบาทต่อราย"
หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,460 วันที่ 11-13 เมษายน 2562
