โตชิบา แจงยุติไลเซ่นทีวีในไทย
“โตชิบา ไทยแลนด์” แจงเหตุยุติไลเซ่นขายทีวีในไทย เผยเป็นการตัดสินใจของบริษัทแม่ที่โยกให้สกายเวิร์ท เป็นผู้ดูแล ขณะที่ยังคงเดินหน้าจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และเครื่องปรับอากาศต่อ
แหล่งข่าวจาก “โตชิบา ไทยแลนด์” ระบุว่า การประกาศหยุดการเป็นผู้แทนจำหน่ายและให้บริการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประเภท ทีวี ทั้งการตรวจ ซ่อม และจัดจำหน่ายอะไหล่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2019 เป็นต้นไป นั้น ไม่ได้เป็นการยุติการจำหน่ายหรือยุบแบรนด์ทีวีโตชิบาในประเทศไทยแต่อย่างใด เป็นเพียงการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย โดยมีบริษัท สกายเวิร์ท (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แบรนด์ทีวีชั้นนำของโลกเข้ามาดูแล
“การแต่งตั้งดังกล่าวโตชิบา ไทยแลนด์ ไม่ใช่ผู้แต่งตั้งแต่อย่างใด หากแต่เป็นโตชิบาญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ที่ได้มีการเจรจาและแต่งตั้ง ซึ่งสกายเวิร์ท (ไทยแลนด์) ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายที่ดูแลแบรนด์ในส่วนของทีวี ซึ่งแน่นอนว่าทางโตชิบ้า ไทยแลนด์ยังมีการจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เครื่องปรับอากาศ และไลน์สินค้าอื่นๆอยู่เช่นเดิม”
อนึ่งสำหรับ SKYWORTH ถือเป็นแบรนด์ทีวีชั้นนำติดอันดับ 5 ของโลก และเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศจีน ครองตำแหน่งผู้นำด้านการผลิตอุปกรณ์มัลติมีเดีย ทีวี รวมถึงกล่องรับสัญญาณมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี โดยมีการดำเนินกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่องด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ พร้อมกับสร้างความแข็งแกร่งในแวดวง AI บิ๊กดาต้า เซ็นเซอร์ และไบโอเมตริกซ์ นอกจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจาก Intelligent System Technology Research Institute ทาง SKYWORTH ได้ให้ความสำคัญกับการว่าจ้างและพัฒนาบุคลากรมากความสามารถ พร้อมต่อยอดงานวิจัยให้กลายเป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังระบบการอยู่อาศัยอัจฉริยะ ซึ่งนอกจากจะมีทีวีอัจฉริยะแล้วยังมีสมาร์ทรูมที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนา AI โดยจัดแสดงทีวีที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ทุกประเภท นอกจากนี้ SKYWORTH ก็ได้มีความร่วมมือกับ Google และ Amazon รวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อีกหลายราย เพื่อสร้างระบบนิเวศผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ นอกจากนี้ SKYWORTH ยังมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์ "เปิดกว้าง แบ่งปัน ได้ประโยชน์ร่วมกัน" ด้วยการเดินหน้าผลิตทีวี AI เพื่อส่งมอบโซลูชั่นทีวี AIoT อัจฉริยะและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกต่อไปในอนาคต
