คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

15 ก.ค. 2562 | 08:21 น.

ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมยอดขายพุ่ง ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แบรนด์ดังยกทัพซีรีส์ใหม่ชิงแชร์ “อีเลคโทรลักซ์-ไฮเออร์” จ่อส่งเรือธงกลุ่มสมาร์ทโฮม ด้วยนวัตกรรม AI/IOT ทั้งกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมในเมืองไทยร้อนแรงมากเป็นพิเศษ เห็นได้จากแบรนด์พรีเมียมยักษ์ใหญ่ที่ต่างตบเท้าเข้ารุกตลาดอย่างหนัก ทั้งอัดโปรโมชัน เข็นแคมเปญหวังชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็นอีเลคโทรลักซ์,  Beko, Bosch ฯลฯ จากการเข้ามาของนวัตกรรมทั้ง IOT /AI ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสมาร์ทโฮม เติบโตและกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตอย่างมีนัย ขณะที่แบรนด์อย่าง แอลจี,ซัมซุง,โตชิบา, ไฮเออร์ ฯลฯ ก็เลือกที่จะขยายไลน์ยกระดับโพสิชันนิงของตัวเอง ด้วยการพัฒนาสินค้าอัพเกรดให้หรู เพื่อขอแชร์ตลาดนี้ด้วยเช่นกัน

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า “อีเลคโทรลักซ์” เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ปีที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก 3-5% โดยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมมีสัดส่วน 20% เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากช่วง 5 ปีก่อนที่มีสัดส่วนราว 10% ขณะที่แนวโน้มในอีก 2-3 ปีคาดว่าตลาดจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกในเรื่องของสภาพเศรษฐกิจ รายได้ของชั้นกลางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีขึ้นมีความพรีเมียมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

“แนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีนับจากนี้ของบริษัท มีเป้าหมายหลักคือให้แบรนด์สามารถเติบโตในเมืองไทยอย่างมั่นคง ผ่านการทำตลาดในรูปแบบต่างๆ ด้วยแนวคิด “อีเลคโทรลักซ์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” (Shape Living for The Better) นอกจากนี้ยังเตรียมนำสินค้าระดับพรีเมียมตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ด้วยจุดเด่นความเป็นแบรนด์ คุณภาพมาตรฐานยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อครองความเป็นผู้นำในกลุ่มพรีเมียมเมืองไทย”

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มพรีเมียมกว่า 30 รุ่นใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Tase,Care และ Wellbeing ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องดูดควัน เครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า และเครื่องปั่น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดในรูปแบบของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสร้างการเข้าถึงและรับรู้ในตัวแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายระยะยาวในไทยด้วยการขึ้นแท่นผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมเมืองไทยที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้เติบโตแบบยั่งยืน และมียอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ขณะที่ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเติบโตเฉลี่ย 11.1% ต่อปี

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

ด้านนายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ กล่าวว่า ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการผลักดันสินค้ารุกตลาดพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการ ตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ส่งผลให้สัดส่วนกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือคิดเป็นยอดขาย 1,250 ล้านบาท และวางเป้าหมายเพิ่มเป็น 35-40% ในปี 2563

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

สำหรับทิศทางการทำงานนับจากนี้คือการเดินหน้ารุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมอย่างเต็มที่ เนื่องจากภาพรวมตลาดยังมีความต้องการสูง โดยในครึ่งปีนี้บริษัทได้เตรียมสินค้าเรือธงเพื่อรุกตลาดกว่า 20 รายการ ในหลากหลายกลุ่มทั้งตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้แช่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โทรทัศน์ เครื่องทำนํ้าอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ฯลฯ โดยเน้นจุดเด่นด้านความเป็นสินค้าคุณภาพ ดีไซน์ และนวัตกรรมที่ลํ้าสมัยที่มี เทคโนโลยี IOT ขามาเสริมทัพมากขึ้น

“ช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาไฮเออร์ ทำตลาดในเซ็กเมนต์พรีเมียมต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะเป็นการนำนวัตกรรมตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังถือเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูดีขึ้น ตามเป้าหมายที่บริษัทเคยวางไว้ในการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีในไทย ซึ่งหากถามว่าภาพลักษณ์แบรนด์ของไทยอยู่ตรงไหน ณ ตอนนี้ คงต้องตอบว่าสามารถวัดได้จากยอดขายที่สัดส่วนสินค้าพรีเมียมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

คนไทยติดหรูดันเครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียมพุ่ง

                       จาง เจิ้งฮุ้ย

ขณะที่แบรนด์ชั้นนำอย่าง Bosch และ Siemens โดย BSH Hausgerate GmbH ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ที่ประกาศรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในประเทศไทย โดยเฉพาะการเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มการต่อเชื่อมที่ได้มาตรฐานสำหรับเครื่องใช้ภายในบ้าน ด้วยระบบ SystemMasterBSH ได้พัฒนาเครื่องควบคุมระบบดิจิทัลที่ได้มาตรฐานสำหรับเครื่องใช้ที่ถูกเชื่อมต่อ ไมโครโปร เซสเซอร์แบบใหม่และสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ที่ได้มาตรฐานทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากบริการระบบดิจิทัลต่างๆ บนเครื่องใช้ที่มีการเชื่อมต่อ รวมถึงการดาวน์โหลดแอพพลิเคชันและโปรแกรมต่างๆ และทำการอัพเดตซอฟต์แวร์ ในอนาคต เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้นวัตกรรม สำหรับเครื่องใช้ต่างๆ ได้ในช่วงเวลาที่ใช้งานโดยไม่ติดขัด โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในตลาดค้าปลีกในปี 2563 นี้ 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3487 ระหว่างวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2562