เเบรนด์หรูสูญพันล้าน หวั่นศึกเซ็นทรัลวิลเลจลากยาว

ใหญ่ฟัดใหญ่ “ทอท.-เซ็นทรัล วิลเลจ” ส่อเค้ายาว กระทบเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ประเทศ ชี้ทุนต่างชาติจับตาผลประโยชน์ทับซ้อน คาด “ลักชัวรี เอาต์เลต” ฉุดยอดขายดิวตี้ฟรีร่วงด้าน “ซีพีเอ็น” ยันเปิด 31 ส.ค.นี้

การเปิดให้บริการ“เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวรี เอาต์เลตแห่งแรกของเมืองไทย โครงการมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งดีเดย์วันที่ 31 สิงหาคมนี้ จะเป็นแม็กเนตใหม่ที่เป็นพลังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์หรู เฉกเช่นเดียวกับเมื่อนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปช็อปปิ้งต่างชาติ และหนึ่งในหมุดหมายสำคัญคือ “เอาต์เลต” ด้วยจุดขายที่เปิดใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ราคาพิเศษที่ลดสูงสุดถึง 70% จึงไม่เพียงสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการค้าปลีกเมืองไทย เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อร้านค้าดิวตี้ฟรีที่เปิดให้บริการในพื้นที่โดยรอบ

การที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. สั่งปิดพื้นที่ประตู 1 “เซ็นทรัล วิลเลจ” จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการก่อสร้างและตกแต่งศูนย์ให้แล้วเสร็จทันเวลาที่กำหนด และส่อเค้าจะยืดเยื้อเมื่อต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่า ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะมีนัยแฝงที่หลายฝ่ายจับตามองถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดขึ้น

เอาต์เลตสะเทือนดิวตี้ฟรี

ทอท.เริ่มกระบวนการเปิดประมูลดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (รีเทล) สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ซึ่งกลุ่มคิงเพาเวอร์ ชนะการประมูลในทั้ง 2 สัญญา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 โดยเสนอจ่ายค่าสัมปทานขั้นตํ่า 2.13 หมื่นล้านบาทต่อปี แลกกับการได้สิทธิ์บริหารจัดการเป็นเวลา 10 ปี 6 เดือน (แต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2574) และทอท.ได้เซ็นสัญญากับกลุ่มคิงเพาเวอร์ไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562

เเบรนด์หรูสูญพันล้าน หวั่นศึกเซ็นทรัลวิลเลจลากยาว

การเปิดให้บริการของเซ็นทรัล วิลเลจ ที่อยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 15 กิโลเมตร เป็นที่จับตามองว่าจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดในการช็อปปิ้งสินค้าถูกกระจายออกไป เพราะนักท่องเที่ยวมีทางเลือกเพิ่มขึ้น จากเดิมที่นักท่องเที่ยวที่มารอขึ้นเครื่อง จะมาช็อปปิ้งภายในพื้นที่ดิวตี้ฟรีและรีเทล ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายที่เกิดขึ้นในสนามบิน หากส่วนแบ่งตลาดถูกกระจายออกไป

หากเป็นเช่นนี้คิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานในสนามบิน จะได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะไม่เพียงกระทบต่อยอดขาย แต่ยังต้องจ่ายผลตอบแทนขั้นตํ่าที่เสนอให้ทอท.ในราคาที่สูงกว่าคู่แข่งเกือบ 50% ทั้งยังกระทบในส่วนของธุรกิจดาวน์ทาวน์ดิวตี้ฟรีของคิงเพาเวอร์ ที่ย่านศรีวารี ซึ่งอยู่ในโซนเดียวกันนี้ด้วย ที่ปัจจุบันลูกค้ามาใช้บริการไม่ตํ่ากว่า 5,000 คนต่อวัน

หวั่นทอท.สูญรายได้

ขณะที่ในส่วนของทอท.เอง ไม่ว่ายอดขายที่สนามบินจะมากหรือน้อย ตามสัญญาทอท.ก็ยังมีรายได้เข้ามา จากผลตอบแทนขั้นตํ่าที่คิงเพาเวอร์ต้องจ่ายเป็นค่าสัมปทานดิวตี้ฟรีในปีแรก ที่ 1.54 หมื่นล้านบาท และรีเทล 5,790 ล้านบาท และทุกปีการจ่ายผลตอบแทนขั้นตํ่าก็จะเพิ่มขึ้นทุกปี ถึงแม้ ทอท.จะได้รับการประกันผลตอบแทนขั้นตํ่า แต่อาจเสียโอกาสที่จะได้รับรายได้เพิ่ม จากค่าผลประโยชน์ตอบแทน ที่ทอท.กำหนดให้ผู้ชนะสัมปทานต้องจ่ายในอัตรา 20% ของยอดขายก่อนหักค่าใช้จ่าย(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับดิวตี้ฟรี และ15% ของยอดขายก่อนหักค่าใช้จ่าย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)สำหรับรีเทล ที่ในสัญญาระบุชัดเจนว่าผู้ชนะสัมปทานต้องจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทน หรือ ผลตอบแทนขั้นตํ่า อย่างหนึ่งอย่างใดที่สร้างรายได้สูงสุดให้ทอท.

อีกทั้งหากคิงเพาเวอร์ ได้รับผลกระทบจากยอดขาย ในส่วนของ คิงเพาเวอร์ ศรีวารี ที่ลดลง ก็จะกระทบรายได้ของทอท.บ้าง ในส่วนที่เป็นจุดส่งมอบสินค้าดิวตี้ฟรี (Pick up Counter) ของคิงเพาเวอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ปัจจุบันคิงเพาเวอร์จ่ายอยู่ที่ 5% จากยอดขาย ตามสัญญากรรมสิทธิ์ที่คิงเพาเวอร์ได้รับสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ทุกประเภท ที่จะหมดสัญญาในวันที่ 28 กันยายน 2563

เเบรนด์หรูสูญพันล้าน หวั่นศึกเซ็นทรัลวิลเลจลากยาว

กระทบความเชื่อมั่น

การเปิดให้บริการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลตแห่งแรกในเมืองไทยในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ด้วยจุดขายสินค้าแบรนด์หรูระดับโลกกว่า 130 สโตร์ และกว่า 60 แบรนด์เป็นเอ็กซ์คลูซีฟที่เปิดเฉพาะที่เซ็นทรัล วิลเลจเท่านั้น และวางจำหน่ายในราคาพิเศษลด 35-70% ทุกวันตลอดปี ถือเป็นแม่เหล็กที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้เข้ามาช็อปได้ทุกวัน แทนที่จะไปช็อปในดิวตี้ฟรี ซึ่งรูปแบบคอลเลกชัน และราคาไม่แตกต่างกันนัก

การที่ทอท. ประกาศปิดพื้นที่ทางเข้าออกประตู 1 ของเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาจึงถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ไม่ใช่จะส่งผลกระทบเฉพาะบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ในฐานะเจ้าของโครงการ ยังส่งผลกระทบต่อร้านค้าที่เข้ามาเปิดให้บริการซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ระดับโลก และคาดหวังที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย

เเบรนด์หรูสูญพันล้าน หวั่นศึกเซ็นทรัลวิลเลจลากยาว

ผู้บริหารระดับสูง จากแบรนด์หรูรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือสายตาของผู้ประกอบการระดับโลกที่กำลังมองดูอยู่ เพราะแบรนด์เหล่านี้ล้วนเป็นแบรนด์ดังที่ขยายการลงทุนไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การที่เข้ามาลงทุนในไทยเพราะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย เชื่อในพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย มองเห็นถึงโอกาสและการเติบโตในประเทศไทยและอาเซียน หากเกิดปัญหาเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบทำให้ความเชื่อมั่นและการลงทุนลดลง

“ผลกระทบดังกล่าวขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน หากนาน 3-6 เดือนก็กระทบระดับหนึ่ง”

คาดร้านค้าเสียหายนับพันล.

ขณะที่เบื้องต้นพบว่า แบรนด์ชั้นนำหลายรายที่พร้อมจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ได้เข้าตกแต่งร้านค้า และนำสินค้าเข้าจัดวาง โดยแต่ละแบรนด์ต้องใช้เงินลงทุนระดับ 5-10 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเน้นการตกแต่งที่หรูหรา และสินค้าล้วนเป็นแบรนด์เนม ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นหากไม่ได้เปิดตามกำหนด การที่วางไว้ คาดว่าจะส่งผลกระทบมากกว่า 1,000 ล้านบาท

“บริษัทมีแผนเปิดช็อปในเซ็นทรัล วิลเลจรวม 10 แบรนด์ หากไม่ได้เปิดตามที่กำหนดส่งผลกระทบทำให้เสียหายกว่า 100 ล้านบาท เพราะขณะนี้สินค้าที่ออร์เดอร์ไว้เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อให้ทันเปิดศูนย์”

เช่นเดียวกับแบรนด์แฟชั่นจากฝรั่งเศสรายหนึ่งกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเกิดจากผลประโยชน์ทับซ้อน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องชะลอการลงทุน ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างความชัดเจน และดูว่าปัญหาจริงๆ คืออะไร

เเบรนด์หรูสูญพันล้าน หวั่นศึกเซ็นทรัลวิลเลจลากยาว

“การเข้ามาลงทุนเปิดสโตร์ในเซ็นทรัล วิลเลจเพราะเชื่อมั่นในกลุ่มเซ็นทรัล และพร้อมเข้ามาลงทุนถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นี้จะเข้ามาเปิดเอาต์เล็ตในเมืองไทย ดังนั้นเชื่อว่าปัญหานี้จะสามารถจบลงได้ในเร็ววัน” ผู้ประกอบการแบรนด์สปอร์ตแฟชั่นกล่าวแสดงความคิดเห็น

ทั้งนี้ในวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ซีพีเอ็นได้ยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และได้ยื่นหนังสือต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอความเป็นธรรมในการดำเนินงาน และในวันที่ 27 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย วันที่ 28 สิงหาคม 2562 เวลา 13.30 น. ศาลปกครองกลางนัดไต่สวน คดีบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ยื่นฟ้อง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและกระทำละเมิด กรณีผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ทำทางเชื่อมในเขตทางหลวงได้เป็นการชั่วคราวจากผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน แต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ผู้ถูกฟ้องคดีตั้งเต็นท์ขวางทางเข้าออกโครงการและไม่อนุญาตให้ผู้ใดใช้ทางดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองได้รับความเดือดร้อนเสียหาย อย่างไรก็ดี ล่าสุดซีพีเอ็น ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปิดให้บริการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้ตามกำหนดการเดิมที่วางไว้

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3500 วันที่ 29-31 สิงหาคม 2562

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

● สาวปมลึก! ทอท.กลับลำยกเลิกคืนที่

● “เซ็นทรัล” ดับเครื่องชนฟ้อง “AOT”

● นายกฯสั่งเคลียร์ปมเซ็นทรัลวิลเลจ

● บิ๊กเซ็นทรัล บุกโครงการเคลียร์ปม “ทอท.” ปิดล้อม

● กพท.ยัน“เซ็นทรัลวิลเลจ” ยังไม่ผิดกม.การบิน แต่ห้าม3กิจกรรมเสี่ยง

● “เซ็นทรัล” ร้องนายก! AOT ปิดทางกระทบความเชื่อมั่นทุนต่างชาติ

● ตามคาด! "เซ็นทรัล"ฟ้องนายกฯ AOT ปิดทางเข้าสะเทือนภาพลักษณ์ประเทศ

● "เซ็นทรัล"ออกโรงกระทุ้งรัฐ เร่งหย่าศึก AOT

● "ทอท.-กรมทางหลวง"ใครมีสิทธิ์คุมทางเข้า!เอาต์เล็ตหรู เซ็นทรัลฯ (คลิป)

● สถาปนิกสยามตั้งโต๊ะอัดทอท.ป่วนสุวรรณภูมิซ้ำอีกดอกวันนี้