เปิดยุทธศาสตร์ “THANN” รีโพสิชันนิงสู่ตลาดสกินแคร์ เร่งสื่อสารแบรนด์เน้นเข้าถึงง่าย เลือกซื้อสบายด้วยราคาเริ่มต้น 200 บาท พร้อมรุกขยายตลาดทั้งในแคนาดา อเมริกา และญี่ปุ่น หลังปูพรมขายแล้ว 27 ประเทศทั่วโลก วางเป้าสิ้นปีโกยรายได้โต 40%
นายเกียรติชัย ประกายเกียรติกุล ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ธัญ-ออริซ่า จำกัด ผลิตภัณฑ์แบรนด์สปา และสกินแคร์ ภายใต้ชื่อ “ธัญ” (THANN) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยุทธศาสตร์การดำเนินงานของบริษัทนับจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่สินค้าสกินแคร์จากธรรมชาติ เน้นความเป็นแบรนด์อินเตอร์และแพ็กเกจจิ้งที่ทันสมัยให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น ผ่านการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งสื่อสารแบรนด์ให้ลูกค้าสัมผัสและเข้าถึง และเลือกซื้อได้ง่ายด้วยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 200 บาท จากเดิมที่ลูกค้ามองว่าแบรนด์เข้าถึงยากและอยู่ในตลาดพรีเมียม พร้อมทั้งวางเป้าหมายขึ้นแท่นสู่โกลบัลแบรนด์ในอนาคต
“หลังจากช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับไลน์สินค้าพร้อมกับโพสิชันนิงของบริษัทที่ไม่จำกัดอยู่แค่ผลิตภัณฑ์สำหรับสปาเท่านั้น โดยหันมาแตกไลน์สินค้าในกลุ่มสกินแคร์จากธรรมชาติมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ในฐานะแบรนด์สกินแคร์จากธรรมชาติที่ครบวงจรมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้ารู้จักแบรนด์ในนามสินค้าอโรม่าหรือกลุ่มสินค้าสำหรับสปาเป็นหลัก”
สำหรับแผนการดำเนินงานในประเทศนั้นจะให้ความสำคัญ 2 ส่วนหลักคือ การเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 10 รายการต่อปี และการนำสินค้าเก่าที่มีอยู่แล้วในการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักคนไทย 30% ต่างชาติ 70% มีอายุตั้งแต่ 30-50 ปี ที่ใส่ใจในสุขภาพ และมีประสบการณ์ในการเดินทางค่อนข้างมาก นอกจากเรื่องสินค้าแล้วยังมีการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน ทั้งเลานจ์ บริการนวดฟรี ให้กับลูกค้าวีไอพี หรือการจัดทำเวิร์กชอปให้แก่ลูกค้า เนื่องจากต้องการต่อยอดแบรนด์ไปยังลูกค้าพร้อมตอบโจทย์ความต้องการในยุคปัจจุบันและให้เกิดการบอกต่อไปให้มากที่สุด
เกียรติชัย ประกายเกียรติกุล
“ปัจจุบันลูกค้ามักจะเลือกเชื่อคำบอกเล่าจากปากเพื่อนมากกว่าเชื่อการโฆษณา รีวิว หรือจากบล็อกเกอร์ ดังนั้นโจทย์ใหญ่ของเรานับจากนี้คือการทำอย่างไรให้ลูกค้าชื่นชอบจนเกิดการบอกต่อและมีความเป็นลอยัลตีในตัวแบรนด์ให้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจากการแข่งขันที่รุนแรงบวกกับแบรนด์จำนวนมากในยุคปัจจุบันทำให้การขยายฐานลูกค้าใหม่นั้นค่อนข้างลำยากกว่าในอดีต ดังนั้นบริษัทจึงมีแนวคิดในการขยายฐานลูกค้าคือการให้ลูกค้าเก่าบอกต่อไปยังลูกค้าใหม่ หรือเปรียบง่ายๆกับการเชิญลูกค้ามาให้เราผ่านประสบการณ์ที่ดีในการเข้ามาใช้บริการ”
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทสาขาในประเทศทั้งสิ้น 20 แห่งและมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 แห่งที่โรงแรมชาเทรียม ในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ยังมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในรูปแบบช็อปในห้างสรรพสินค้า การทำสาขานอกห้าง ต่อยอดไปจนถึงการสร้างเวลเนสที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่ในตลาดต่างประเทศได้มีการขยายสาขาเข้าไปในมอสโก และชิบูยา โตเกียว เพิ่มเติม และมีแผนขยายสาขาในแคนาดา และอเมริกาเพิ่มในช่วงปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่มีจำหน่ายใน 27 ประเทศทั่วโลก โดย 3 ประเทศที่มียอดขายมาเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น
“การทำตลาดในต่างประเทศถึงแม้การขยายสาขาจะใช้เอ็กซ์คลูซีฟดิสทริบิวเตอร์ แต่ก็มีการควบคุมภาพลักษณ์แบรนด์ให้เหมือนกันทั้งหมด ขณะที่เรื่องของพาร์ตเนอร์คือหัวใจหลักที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากการทำตลาดที่ยั่งยืนในต่างประเทศ พาร์ตเนอร์ที่สามารถทำงานด้วยกันและมีแนวคิดตรงกันคือปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์สามารถอยู่ได้ นอกจากนี้มีการวางสินค้าในโรงแรมและสายการบิน การเข้าไปอยู่ดิวตี้ฟรีที่สนามบินเกาหลีและจีน จนถึงการพยายามปรับปรุงคุณภาพจนผ่านมาตรฐานของญี่ปุ่น และสามารถส่งสินค้าไปญี่ปุ่นได้ ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์จนทำให้ขยายไปประเทศอื่นๆ ได้นั่นเอง”
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตในสิ้นปีนี้ไม่ตํ่ากว่า 40% เท่ากับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นสกินแคร์ 70% และอโรม่า เธอราพี 30% โดยสินค้าขายดีได้แก่ ครีมกันแดด มาสก์หน้า และบอดี้โลชั่น ทั้งนี้วางเป้าหมายของแบรนด์ในระยะยาวสู่โกลบัลแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทประเมินว่าอยู่อันดับต้นๆของตลาดสกินแคร์และอโรม่า เธอราพีในระดับโลก ซึ่งความท้าทายนับจากนี้คือการทำอย่างไรให้ก้าวไวกว่าคู่แข่งในการแข่งขัน
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3505 ระหว่างวันที่ 15 - 18 กันยายน 2562