"จุรินทร์"เล็งใช้ศักยภาพกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มรายได้ประชาชน รองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ รวมทั้งสู้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก พร้อมดันให้เป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่าสากลใหม่และเป็นภูมิภาคสำคัญที่เชื่อมต่อกับเศรษฐกิจของอาเซียน ทวีปเอเชีย และโลก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของภูมิภาค CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่คุณค่าสากลใหม่และเป็นภูมิภาคสำคัญที่เชื่อมต่อกับเศรษฐกิจของอาเซียน ทวีปเอเชีย และโลก ด้วยจำนวนประชากรรวมกันกว่า 242 ล้านคน มูลค่า GDP รวมกันได้ 863,859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 5 ปี (2557 - 2561) ที่4.83% ประกอบกับมีการจัดทำข้อตกลงทางการค้า และการลงทุนของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคกับประเทศคู่ค้าสำคัญ ทำให้ภูมิภาค CLMVT มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างแนบแน่นในเครือข่ายการผลิตของอาเซียนและเอเชีย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าโลกอย่างไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และแม้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนและไม่แน่นอน แต่ภูมิภาค CLMVT ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพอันเหนียวแน่นเพื่อยืนหยัดและเอาชนะความท้าทายของเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามภูมิภาค CLMVT ยังมีข้อจำกัดด้านผลิตภาพและการสร้างมูลค่า ที่ต้องเผชิญกับกฎระเบียบทางการค้าที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งกฎระเบียบในด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค คุณภาพผลิตภัณฑ์ การปกป้องและคุ้มครองสิ่งแวดล้อม รวมถึงแรงกดดันจากการขยายตัวของเทคโนโลยีสมัยใหม่และดิจิทัล ภูมิภาค CLMVT จึงจำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาค เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงอยู่ในเครือข่ายการผลิตของโลกได้ต่อไป
“ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องจับมือไปด้วยกันเพื่อก้าวสู่การขยายตัวทั้งการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นหัวใจหลักของการส่งออก หากเราดำเนินการตามนั้นได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อ CLMVT ไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น”