มกอช. นำทัพกรมปศุสัตว์และสกอท. บินตรง UAE เผยเจรจาสำเร็จรับข้อเสนอไทย เตรียมส่งทีมตรวจประเมินโรงงานแปรรูปคาดผ่านฉลุย เล็งตั้งเป้าส่งออกเพิ่มไม่ต่ำกว่าพันล้าน
ดร. จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เผยว่า ที่ผ่านมา ไทยประสบปัญหาไม่สามารถส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลโดยเฉพาะสินค้าไก่และผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ได้ โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจาก สกอท. ซึ่งเป็นหน่วยรับรองฮาลาลของไทยยังไม่ผ่านการตรวจรับรองระบบงานในขอบข่ายดังกล่าวตามข้อกำหนดใหม่ของ UAE ที่ ESMA ต้องการให้หน่วยรับรองระบบงานใน ASEAN เป็นผู้ตรวจรับรอง สกอท. แต่ใน ASEAN ไม่มีหน่วยงานที่มีความพร้อมรับรองระบบด้านฮาลาลให้แก่ สกอท. ได้ ซึ่งฝ่ายไทยได้ผลักดันแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารฮาลาลของไทยไปยัง UAE
มกอช. จึงร่วมกับกรมปศุสัตว์ สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ เข้าร่วมหารือกับ Dr. Thani bin Ahmed Al Zeyoudi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (MOCCAE) และนาย Abdulla Abdelqader Al Maeeni อธิบดีหน่วยงานมาตรฐานและมาตรวิทยาของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ESMA) เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยัง UAE โดยเฉพาะสินค้าไก่และผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย
ดร.จูอะดี กล่าวต่อว่า การเดินทางไปเจรจาหารือที่ UAE ในครั้งนี้ คณะผู้แทนฝ่ายไทยประสบผลสำเร็จ บรรลุข้อตกลงในการเจรจาหารือ โดย UAE ตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย และจะจัดส่งทีมหน่วยรับรองของ UAE มาตรวจประเมิน สกอท. ซึ่งจะส่งผลทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลไปยัง UAE ได้หลังจากที่ สกอท. นั้นได้ผ่านการรับรองจากหน่วยรับรองของ UAE แล้ว
“โดยในครั้งนี้ อธิบดี ESMA ตอบรับคำขอฝ่ายไทย โดยอนุญาตให้ สกอท. ขอรับการตรวจรับรองจากหน่วยรับรองที่ขึ้นทะเบียบไว้กับ ESMA ตามรายชื่อที่ฝ่ายไทยเสนอ ส่งผลให้ไทยสามารถเริ่มต้นกระบวนการขอการรับรองได้ทันที โดย มกอช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งประสานไปยังหน่วยรับรองของ UAE เพื่อหารือและเตรียมการในการมาตรวจรับรองที่ประเทศไทยต่อไป ”
หลังจากผ่านการรับรองแล้ว สกอท. จะสามารถตรวจรับรองสินค้าอาหารฮาลาลของไทย เพื่อที่จะส่งออกไปยัง UAE ได้ตามข้อกำหนด และสามารถเปิดตลาดสินค้าไก่ผลิตภัณฑ์ใน UAE ได้อีกครั้ง โดยก่อนที่จะประสบปัญหา ไทยสามารถส่งออกสินค้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งไปยัง UAE คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 350 ล้านบาท และไก่แปรรูปมูลค่าประมาณปีละ 700 ล้านบาท เลขาธิการกล่าว
อนึ่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ United Arab Emirates, UAE เป็นสหพันธรัฐ (Federation) ประกอบด้วย 7 รัฐ แต่ละรัฐมีระบบ การปกครองท้องถิ่นของตนเอง มีกรุงอาบูดาบีเป็นเมืองหลวงถาวร โดยมีรัฐบาลกลาง ดูแลนโยบายและกิจการที่สำคัญของประเทศ เช่น การต่างประเทศและความมั่นคง เป็นต้น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาค และอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจมากที่สุดของโลกโดยการจัดลำดับของ World Economic Forum รายได้หลักของ UAE ขึ้นอยู่กับน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก
ปัจจุบัน UAE เป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือของอ่าวอาหรับ (the Cooperation Council for the Arab States of the Gulf : GCC) ทั้งนี้ GCC มีเป้าหมายในการพัฒนาเป็นกลุ่มตลาดเช่นเดียวกับสหภาพยุโรป (EU) โดยกำหนดอัตราภาษีศุลกากรร่วมจากประเทศอื่นๆ ร้อยละ 5 ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าระหว่างประเทศสมาชิก ประเทศสมาชิก GCC 6 ประเทศมีประชากรรวมกัน 53.77 ล้านคน ในบรรดาประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด ประมาณ 32 ล้านคน และมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด เป็นประเทศที่มีน้ำมันมากที่สุดของโลก ประเทศสมาชิก GCC ส่วนใหญ่จะขาดแคลนพื้นที่การเกษตร ต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องมีนโยบายไปลงทุนต่างประเทศเพื่อการผลิตอาหารป้อนเข้าสู่ประเทศ