บาทแข็งทุบส่งออกข้าวราคาแพงลิ่วนำคู่แข่ง ยิ่งขายยิ่งขาดทุน จีนแย่งตลาดแอฟริกาข้าวไทยวูบ ขณะที่เวียดนามไล่บี้ติด เผยสถานการณ์ลำบากหนัก 2-3 ปี อาจจะโดนแทนที่เสียตลาดหมด แนะรัฐต้องช่วยอุตสาหกรรมทั้งระบบ ส่งออก-ต้นทุนการผลิตต่ำ พันธุ์ข้าวตอบโจทย์
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ผลกระทบจากค่าเงินบาท ส่งผลทำให้การส่งออกยิ่งขาดทุนหนัก ยิ่งขายก็ยิ่งขาดทุน การส่งออกในปีนี้แค่ 8 ล้านตันหรือ 8 ล้านตันเศษๆ ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ตัวเลขที่โปร่งออกมาก็เพราะข้าวคลังรัฐบาล โดยเฉลี่ยปีละ 2 ล้านตัน อย่าไปเทียบกับ 11 ล้านตัน ซึ่งโดยปกติโดยเฉลี่ยไทยจะส่งออกประมาณกว่า 8 ล้านตันถึง 9 ล้านตัน แต่ปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีปกติที่เคยส่งออก ปัญหาก็คือ จะแก้อย่างไรกับค่าเงินบาท
“อินเดีย” ส่งออกปกติแล้วฝนฟ้าก็ดี แต่ที่น่ากลัวก็คือจีนก็ส่งออก คาดว่าปีนี้จะส่งออกไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านตัน จากปกติไม่เคยส่งออกเลย มีทยอยส่งออกข้าวเก่ามีสต็อกว่า 100 ล้านตัน ไปส่งแทนที่ตลาดแอฟริกาที่เป็นตลาดเก่าของไทยที่เคยไปขายไว้ในราคาถูก จีนระบายสต็อกขายอย่างไรก็ได้ แย่งตลาดไปหมด ขณะที่ตลาดกลาง เวียดนามก็เบียดแย่งไปหมด จึงทำให้อุตสาหกรรมข้าวนี่น่าเป็นห่วงถ้าไม่คิดจะทำอะไรเลย
นายเจริญ กล่าวว่า ตั้งราคาข้าวเปลือกอย่างไรก็ไม่ใช่วยให้ราคาช้าวเปลือกดี เพราะส่งออกไม่ได้ สุดท้ายต้องตั้งงบมาชดเชยชาวนาให้มากขึ้น แทนที่จะคิดทำอย่างไรให้ต้นทุนในการส่งออกให้ถูกลง พันธุ์ข้าวที่มีอยู่ตอนนี้ไม่เป็นที่ต้องการ ลำบาก ข้าวหอมมะลิหากยังขายราคานี้อยู่ 2-3 ปีไม่ช้าคงถูกเพื่อนบ้านขายแทนที่หมด
“ยกตัวอย่าง ข้าวเปลือกไทยราคาตันละ 7-8 พันกว่าบาท เวียดนาม ตันละ ประมาณ 6,000 บาท กัมพูชาราคาตันละ 5,000 กว่าบาท และของเมียนมาตันละ 4,000 บาทกว่า ผมถามว่าเราจะแข่งอะไรกับประเทศเหล่านี้ ถ้ายังไม่ดูแลให้ผลผลิตต่อไร่ราคาสูง ให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง ราคาข้าวเปลือกถูกลง และพันธุ์ข้าวที่ผลิตออกมาเป็นที่ต้องการของตลาด ค่าขนส่งถูกลง เพราะตอนนี้ค่าขนส่งแพง ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางตู้คอนเทรนเนอร์ที่ท่าเรือ ค่าบรรจุภัณฑ์ก็แพงกว่า ค่าแรงก็แพงกว่า จะเห็นว่าไทยสู้ไม่ได้ทั้งหมด ผมพูดเรื่องนี้มานานแล้ว ยอมรับเกินอำนาจของผู้ส่งออกที่จะจัดการได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือนก่อนเจ๊ง! รับมือความผันผวนค้าข้าวโลก