ไอ.ซี.ซี. จัดทัพรับเทรนด์สนีกเกอร์เปลี่ยน ฉุดตลาดรองเท้าซบ หันปั้นพอร์ตรองเท้าสตรี เสริมแกร่งออนไลน์ ปรับอิมเมจ “ดิ๊ค-สิส” ชิงแชร์กลุ่มสปอร์ต เล็งนำเข้า 2 แบรนด์ใหม่สุดพรีเมียมจากญี่ปุ่นปีหน้า
นายคณิศร สุยะนันทน์ ผู้อำนวยการฝ่ายรองเท้า บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ดัง อาทิ รีกัล, แนทเธอร์ไลค์เซอร์, เบล์ล แอนด์ โซฟา, แอลล์ และบีเอสซี ฯลฯ เปิดเผยว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดรองเท้าหดตัวลงอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจรองเท้าในตลาดหายไปกว่า 50% จากเดิมที่มีผู้เล่นอยู่กว่า 100 รายในท้องตลาด ทั้งนี้แม้ภาพรวมตลาดรองเท้าจะหดตัวลง แต่ทว่าสวนทางกับรองเท้าสนีกเกอร์ หรือรองเท้าในกลุ่มสปอร์ต ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของตลาดรวม ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์ให้สามารถสร้างการเติบโตในตลาดและรองรับการแข่งขันที่รุนแรง
บริษัทจะให้ความสำคัญกับการปรับตัวจากเดิมที่ไอ.ซี.ซี เน้นผลิตและส่งออก สู่การปั้นแบรนด์และพอร์ตสินค้าในเครือให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการขยายตลาดไปยังช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ ขยายสินค้าในกลุ่มรองเท้าสตรีทั้งในแบรนด์ แนทเธอร์ไลค์เซอร์, รองเท้ารีกัล ผู้หญิง, แบรนด์ เบล์ล แอนด์ โซฟา ,แอลล์, บีเอสซี ที่แตกไลน์รองเท้าส้นสูงที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้มีการเปิด Shop in Shop เป็น Multi Brand Shop ที่สยามทาคาชิมายะ ศูนย์การค้าดิไอคอนสยาม ซึ่งถือเป็นสาขาแรกที่มีแบรนด์รองเท้าในเครือมารวมกัน และเป็น ช็อปที่สามารถเลือกรองเท้าได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถสั่งตัดได้ในรูปแบบต่างๆ ที่ทางบริษัทได้เตรียมไว้ ทั้งนี้การเปิดช็อปดังกล่าวเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยวางเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 3-5 แสนบาทในสิ้นปี
“ในอดีตผู้หญิงมีการซื้อรองเท้าเฉลี่ย 6 คู่ต่อคนต่อปี ขณะที่ผู้ชายอยู่ที่ 1.1 คู่ต่อคนต่อปี และแน่นอนว่าตัวเลขในปัจจุบันแม้จะยังไม่มีการเก็บสถิติอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าผู้หญิงมีการซื้อรองเท้าราว 10 คู่ต่อคนต่อปี ซึ่งจากตัวเลขการเพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้เรามองเห็นโอกาสทางการเติบโตในตลาดรองเท้าผู้หญิง”
คณิศร สุยะนันทน์
ทั้งนี้ยังมีการเปิดให้บริการแนวใหม่ “Easy Order” หรือบริการสั่งตัดรองเท้าของแบรนด์ในเครือทั้งเข้ามาไว้บริการภายในร้าน ก่อนจะขยายบริการดังกล่าวสู่ร้านค้าของรองเท้าแบรนด์ “แนทเธอร์ไลค์เซอร์” จำนวน 144 สาขาทั่วประเทศ และ อีก 5 ร้านค้าของแบรนด์รองเท้ารีกัล ผู้หญิง โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากบริการดังกล่าวเป็น 10% ในสิ้นปีหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 5%
“จากเทรนด์รองเท้าในกลุ่มสปอร์ตที่มาแรงทำให้หลายแบรนด์ต่างปรับตัวด้วยการเล่นเรื่องราคาและลงไปเล่นในตลาดรองเท้าสปอร์ตมากขึ้น แต่ในส่วนของบริษัทเองจะไม่มีการลงไปเล่นในเรื่องดังกล่าว แต่จะให้ความสำคัญกับการนำโนว์ฮาวที่มีอยู่มาใช้ในการต่อยอดแบรนด์และบริการที่หลากหลาย ผ่านเรื่องคุณภาพ จุดเด่นของแบรนด์มาเป็นตัวแปรสำคัญในการดำเนินงาน ส่วนร้านค้าในต่างประเทศมีที่เมียนมา และลาว บริษัทมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าเดิมและอยู่ด้วยกันมานาน มีอายุในช่วง 35 ปีขึ้นไป เราจึงต้องขยายฐานลูกค้าออกไปโดยหากลุ่มใหม่ที่เด็กลงเพิ่มเติม ผ่านรองเท้าส้นสูงผู้หญิง นอกจากนี้ยังเพิ่มทั้งบริการและเพิ่มทั้งสินค้าเพื่อให้ตอบสนองกับกลุ่มเหล่านี้ที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 20%”
นายคณิศร กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนนำเข้าแบรนด์ใหม่จากประเทศญี่ปุ่นในกลุ่มแบรนด์รองเท้าฟังก์ชันเพื่อสุขภาพ เข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 1 แบรนด์ในช่วงปลายปีนี้ โดยเน้นเจาะกลุ่มผู้สูงอายุในตลาดพรีเมียม และมีระดับราคาตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ ก่อนจะเดินหน้าเปิดตัวนำเข้าแบรนด์ใหม่มาทำตลาดเพิ่มเติมอีก 1-2 แบรนด์ในปีหน้า
นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทได้เตรียมนำแบรนด์ “DxS” (ดิ๊ค-สิส) ออกมาทำการตลาดอย่างจริงจัง หลังจากเปิดตัวออกมาทำตลาดตั้งแต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจะมีการปรับภาพลักษณ์แบรนด์จากสตรีตแฟชั่น สู่ความเป็นรองเท้าสปอร์ตแฟชั่นมากขึ้น ผ่านกิจกรรมทางการตลาดเชิงรุก เพื่อรองรับแนวโน้มในตลาดสนีกเกอร์เมืองไทยที่คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องในอีกหลายปี
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายการเติบโตทั้งกลุ่มไว้ที่ 10% ในสิ้นปีนี้ ซึ่งมีแบรนด์แนทเธอร์ไลค์เซอร์ เป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้กว่า 70% โดยคาดว่าแนทเธอร์ไลค์เซอร์จะมียอดขายกว่า 300 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 30%
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3521 ระหว่างวันที่ 10 - 13 พฤศจิกายน 2562