5 ปี 100 สาขา
นายไมเคิล เดวิด แลมบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า จากการศึกษาข้อมูลล่าสุดพบว่า กว่า 70% ของสมาชิกฟิตเนสในกรุงเทพฯ เข้าไปออกกำลังกายในฟิตเนสเป็นเวลา 2-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ชื่นชอบฟิตเนสที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกในชีวิตประจำวัน อาทิ สถานที่ทำงาน สถานศึกษา และที่พักอาศัย ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญในการขยายสาขาในทำเลดังกล่าวให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งนโยบายการดำเนินงานนับจากนี้จะยังคงให้ความสำคัญตามแผนงาน 5 ปี ด้วยการเดินหน้าขยายสาขาในไทยให้ครบ 100 แห่ง หรือเฉลี่ยที่ 12 สาขาต่อปี
“เราตั้งเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่ไม่ตํ่ากว่า 12 แห่งต่อปี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราการเติบโตของเราในปัจจุบัน อาจมีโอกาสที่จะเปิดได้ถึง 16-18 แห่งต่อปี โดยทุกสาขาของเราจะตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือเอ็มอาร์ที และตั้งอยู่ในย่านการค้าและชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีประชากรหนาแน่นในกรุงเทพฯ ตลอดจนจังหวัดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ”
สำหรับในปีนี้จะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีแรก 10 แห่ง ประกอบด้วย 7 แห่งที่กรุงเทพฯ 1 แห่งที่เชียงใหม่ 1 แห่งที่ภูเก็ต และอีก 1 แห่งเพิ่มที่โคราช ซึ่งจะทำให้ เจ็ทส์ ฟิตเนส มีสาขาทั้งหมดรวม 32 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปี จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 22 แห่ง ในกรุงเทพฯ พัทยา นนทบุรี และนครราชสีมา จากปัจจุบันสาขาของเจ็ทส์ ฟิตเนส กระจายครอบคลุมทั้งบริเวณใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ โดยโลเกชันหลักนับจากนี้ขยายสาขาไปสู่ชานเมือง ตลอดจนจังหวัดหัวเมืองใหญ่อื่นๆ ที่มีประชากรหนาแน่น เพื่อให้สามารถใกล้ชิดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ยังมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลาย และต้องการความสะดวกรวดเร็ว ด้วยการเพิ่มเติมบริการฟิตเนสที่สามารถตอบโจทย์ข้อจำกัดด้านเวลาและความต้องการในการแสวงหากิจกรรมออกกำลังกายที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าในวัยทำงาน ตลอดจนออกแบบการออกกำลังกายที่เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องการฟิตร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ควบคู่กับการนำเสนอโซลูชันการออกกำลังกายแบบใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการของสมาชิก เช่น โปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุที่ผนวกวิธีการดูแลตัวเองเข้ากับระดับความเข้มข้นของการออกกำลังกายที่เหมาะสม ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังนำเสนออุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัยและมีคุณภาพ สำหรับการออกกำลังกายคนเดียว และสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการมาออกกำลังกายเป็นกลุ่มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายอีกด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทถือเป็นเชนฟิตเนส 24 ชั่วโมงรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 60% โดยวางเป้าหมายในอนาคตนี้จะมีจำนวนสาขารวมทั้งหมดมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ และขึ้นแทนผู้นำตลาดต่อเนื่อง
หน้า 30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,540 วันที่ 16 - 18 มกราคม 2563