นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำมันปาล์มขวดที่มีกระแสข่าวว่าเริ่มขาดตลาดนั้น ยืนยันว่าน้ำมันปาล์มขวดยังไม่ขาดตลาด ซึ่งผู้บริโภคยังไม่จำเป็นต้องซื้อตุน ให้ซื้อตามปกติ มีบางยี้ห้อที่หายไปจากชั้นวางในห้างสรรพสินค้าซึ่งอาจจะอยู่ในช่วงของสต็อกสินค้าหมด หรือบางรายอาจขอปรับราคาขึ้น ซึ่งทางห้างอาจมองว่ายังไม่เหมาะสมส่งผลให้ทำให้บางยี้ห้ออาจจะหายไปจากชั้นวาง ส่วนราคาขาย ณ ตอนนี้ อยู่ที่42 บาท จากเดิมที่ลิตรละ 35-38 บาท ซึ่งยังไม่เกินราคาเพดานที่42บาท ดังนั้นผู้บริโภคยังไม่ต้องตกใจ เพราะราคาเคยมีในช่วงปี2544-2545 ที่มีราคาถึง52-53บาท แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังมีทางเลือกในการบริโภค อย่างน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งขณะนี้ราคา30-40บาทซึ่งก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการนำมาปรุงอาหาร นอกจากนี้ผู้ประกอบการโรงงานแปรรูป เช่น โรงงานบะหม่ โรงงานปลากระป๋องยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะจากกรมการค้าภายในได้ส่งสัญญาณตั้งแต่ปลายปีว่าราคาจะปรับสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการมีการซื้อล่วงหน้า ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้ แต่หากราคาสูงจนผู้ประกอบการไม่สามารถแบบต้นทุนได้ต้องมีการหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน
“ราคาปาล์มที่สูงขึ้น ขณะนี้ราคาปาล์มทะลายอยู่ที่กิโลกรัมละ 7-7.80 บาท ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่น้ำมันปาล์มดิบ หรือ ซีพีโอ อยู่ที่กิโลกรัมละ 30-40 บาท ทำให้น้ำมันปาล์มบรรจุขวดต้องปรับราคา แต่ทั้งนี้ในกลางเดือนก.พ.สถานการณ์น่าจะดีขึ้นและจะมีผลผลิตออกมามากสุดประมาณมี.ค.-เม.ย. ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดแต่ถ้าราคาปรับขึ้นไปอีกก็อาจจะเชิญผู้ประกอบการมาหารือ แต่ยืนยันว่าเรื่องขาดแคลนน้ำมันปาล์มขวดยังไม่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่วนสต็อกน้ำมันปล์มในปัจจุบันที่เหลืออยู่3-4แสนตัน คาดว่าน่าจะมีเพียงพอต่อการบริโภคใน1เดือนนี้ เพราะว่าผลผลิตใหม่จะเริ่มออกมาในประมาณเดือนก.พ.นี้
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอให้มีการขออนุญาตนำเข้าปาล์มน้ำมันเพื่อข้ามแดนส่งต่อไปยังอีกประเทศหนึ่ง โดยกำหนดให้นำเข้าได้เพียงด่านเดียว คือ ท่าเรือคลองเตย จากเดิมที่สามารถนำเข้าได้ทุกด่าน และกำหนดด่านปลายทางที่จะนำผ่านไปยังแต่ละประเทศ ได้แก่ ด่านแม่สอด จังหวัดตาก ด่านพรหมหนองคาย จังหวัดหนองคาย และ ด่านจังหวัดจันทบุรี เพื่อป้องกันการนำเข้ามาและไม่มีการนำออกจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอออกประกาศของกรมการต่างประเทศ ขณะเดียวกันจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำทั้งต้นทางและปลายทางทุกด่าน เพื่อตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อไป